พร้อมชน!! คิมยิงขีปนาวุธครั้งที่ 14 ต้อนรับผู้นำคนใหม่เกาหลีใต้ ขณะสื่อเปียงยางเฉ่งยับพวกสายเหยี่ยวซี้สหรัฐ

1373

ในการแสดงศักยภาพทางทหารครั้งล่าสุดคิม จองอึนผู้นำเกาหลีเหนือได้ทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลรุ่นใหม่ นับเป็นครั้งที่ 14 ในปีนี้ ส่งสัญญาณต่อสหรัฐและปธน.เกาหลีใต้คนใหม่ สายตรงวอชิงตัน ในขณะที่สื่อทางการวิจารณ์ยับ ว่าที่ผู้นำรัฐบาลเกาหลีใต้และทีมบริหารชุดใหม่ เป็นพวกฝักใฝ่รับใช้สหรัฐฯ

เมื่อวันที่ 6 พ.ค.2565 สำนักข่าวรอยเตอร์และอัลจาซีรารายงานว่าเว็บไซต์ ยูริมินซอคคิริของเกาหลีเหนือซึ่งเผยแพร่บทความและสื่อโฆษณาของเกาหลีเหนือ เสนอบทความเกี่ยวกับนายยุน ซอก-ยอล ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของเกาหลีใต้ ที่เตรียมรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 10 พ.ค. นี้ ว่าใช้ถ้อยคำปลุกระดมหลายครั้งต่อเกาหลีเหนือ ที่รวมถึง “การเปิดฉากโจมตีต่อศัตรู” และยั่วยุให้เกิดการเผชิญหน้าระหว่างสองเกาหลี ด้วยการ “สร้างเสริมการเป็นพันธมิตรระหว่างสหรัฐกับเกาหลีใต้”

ทั้งนี้ นายยุนเรียกเกาหลีเหนือว่า “ศัตรูตัวฉกาจ” และยืนยันว่า กองทัพเกาหลีใต้ในยุคของเขา “พร้อมเป็นฝ่ายเปิดฉากก่อน” ในกรณีที่ “ภัยคุกคามคืบคลานเข้ามา ขณะเดียวกัน เนื้อหาในบทความยังวิจารณ์ บรรดาว่าที่นักการเมืองในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสำคัญ คือ การต่างประเทศ กลาโหม และการรวมชาติ ว่าล้วนเป็นบุคคลที่ “มีจุดยืนฝักใฝ่อเมริกา” แต่ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมายนัก สำหรับรัฐบาลเปียงยาง

บทความดังกล่าวได้รับการเผยแพร่เพียงวันเดียว หลังเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธครั้งที่ 14 ในปีนี้ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกต ว่ายังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลเปียงยาง เกี่ยวกับการทดสอบขีปนาวุธครั้งนี้

ขณะที่เมื่อปลายดือนที่แล้ว นายคิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ และประธานาธิบดีมุน แจ-อิน ผู้นำเกาหลีใต้คนปัจจุบัน แลกเปลี่ยนจดหมาย “แสดงความสัมพันธ์ฉันมิตร” โดยนายมุนซึ่งกำลังจะหมดวาระ กล่าวถึงการผลักดันกระบวนการสร้างสันติภาพและความปรองดอง ตามการบรรลุฉันทามติร่วมกัน เมื่อปี 2561 “แม้ต้องเผชิญกับสถานการณ์ยากลำบากนับจากนี้”

ส่วนนายคิมแสดงความซาบซึ้งและยกย่องความพยายามของนายมุน ในการฟื้นฟูสันติภาพบนคาบสมุทรเกาหลี จนกระทั่งวันสุดท้ายของการดำรงตำแหน่ง และกล่าวถึงการแลกเปลี่ยนจดหมายลักษณะนี้ ว่าเป็น “การแสดงออกซึ่งความไว้เนื้อเชื่อใจอย่างลึกซึ้ง” และทิ้งท้ายว่า การซ่อมแซมความสัมพันธ์ระหว่างสองเกาหลี “ยังมีความหวัง”

ก่อนหน้านี้เกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธนำวิถีไปยังชายฝั่งตะวันออกของตน เมื่อวันพุธที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา ตามรายงานของกองทัพเกาหลีใต้ ประมาณหนึ่งสัปดาห์หลังจากที่เกาหลีเหนือประกาศว่า จะพัฒนาขีดความสามารถด้านนิวเคลียร์ของตน “ด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด”

เสนาธิการร่วมของโซล (JCS) กล่าวว่าตรวจพบการปล่อยมิสไซล์เมื่อเวลาประมาณ 12:03 น. (03:03 GMT) จากพื้นที่ซูนันของเปียงยาง หน่วยยามฝั่งของญี่ปุ่นยังรายงานการเปิดตัวและกล่าวว่าอาจเป็นขีปนาวุธ 

JCS เปิดเยผว่าขีปนาวุธบินระยะทาง 470 กิโลเมตรที่ระดับความสูง 780 กม. และความเร็ว 11 มัค

นับเป็นครั้งที่ 14 ที่เกาหลีเหนือทำการทดสอบอาวุธสำคัญในปีนี้ ขณะที่การเจรจาปลดอาวุธนิวเคลียร์โดยสหรัฐฯ ยังคงหยุดชะงักท่ามกลางความกังวลว่าเปียงยางอาจทดสอบอาวุธนิวเคลียร์อีกในไม่ช้า

วอน อิน-โชล หัวหน้า JCS ของเกาหลีใต้ (Won In-Choul, the South Korean JCS chief) ได้จัดการประชุมทางวิดีโอเกี่ยวกับการเปิดตัวพล.อ. Paul LaCamera นายพลชาวอเมริกันผู้เป็นหัวหน้าหน่วยบัญชาการกองกำลังผสมเกาหลีใต้-สหรัฐฯ ในกรุงโซล และพวกเขาตกลงที่จะรักษา ท่าที่ในการร่วมมือป้องกันด้านความมั่นคงในภูมิภาค

ด้านสเตฟาน ดูจาร์ริก โฆษกสหประชาชาติ (U.N. spokesperson Stephane Dujarric) กล่าวว่า การเปิดตัวขีปนาวุะครั้งล่าสุดและกิจกรรมอื่นๆ ของเกาหลีเหนือโดยใช้เทคโนโลยีขีปนาวุธนำวิถี “มีส่วนทำให้ความตึงเครียดในระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติเพิ่มขึ้น”

นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ(U.N. Secretary-General Antonio Guterres) กล่าวว่า  “ขอเรียกร้องให้เกาหลีเหนือปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศอย่างเต็มที่ภายใต้มติคณะมนตรีความมั่นคงที่เกี่ยวข้อง”“การมีส่วนร่วมทางการฑูตยังคงเป็นหนทางเดียวสู่สันติภาพที่ยั่งยืนและการปลดอาวุธนิวเคลียร์อย่างสมบูรณ์สามารถตรวจสอบได้ของคาบสมุทรเกาหลี จึงเป็นทางออก”