จัดระเบียบโลกใหม่! “สหรัฐ-ยุโรป” กุมขมับ เริ่มจนตรอก ถูกมหาอำนาจใหม่ “รัสเซีย-จีน-อินเดีย” ไล่ต้อนเข้ามุมอับ!?
ล่าสุดทางด้านเพจสาธารณะชื่อ World Update ได้เเรียบเรียงประเด็นไว้ได้อย่างน่าสนใจในเรื่อง “สหรัฐ และยุโรป กุมขมับ ถูกมหาอำนาจใหม่ รัสเซีย จีน อินเดีย ไล่ต้อนเข้ามุมอับ” โดยมีรายละเอียดว่า
สิ่งที่สหรัฐ ผู้ควบคุม “ระเบียบโลกเก่า” มาตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ยึดแนวปฏิบัติมาคือ “เอาสิ่งที่ตนต้องการแต่ไม่สนใจวัฒนธรรมท้องถิ่น” เมื่อจะยึดประเทศใดก็จะมุ่งทำลายยอดปิรามิดผู้นำประเทศนั้นก่อน โดยการลอบสังหาร โค่นล้มรัฐบาล หรือใส่ความว่ามีอาวุธเคมี ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ละเมิดสิทธิมนุษยชน
แล้วจึงเฮละโลยกพวกไปรุมตี เช่น เกาหลีเหนือ เวียดนาม ลาว กัมพูชา อิรัก ลิเบีย ซีเรีย อัฟกานิสถาน ฯลฯ จากนั้นก็ค่อยสังหารทหาร และฐานปิระมิดประชาชนในประเทศนั้นหลักหมื่น แสน ล้านราย ตามแต่พอใจ แล้วจบด้วยยึดทรัพย์ประเทศนั้นเอากลับบ้าน
ต่างจากรัสเซีย ที่จบสงครามโลกครั้งที่ 2 ถ้าไม่ขัดแย้งในดินแดนติดกัน ก็ยังไม่ได้ก่อสงครามกับใคร แต่ถ้าประเทศพันธมิตรร้องขอว่าถูกสหรัฐ และพวกรังแก ขอความช่วยเหลือ รัสเซียจะไม่รีรอและไปจังก้าปกป้องทันที โดยไม่เรียกร้องอะไรเพราะชาติเหล่านั้นก็ย่อยยับจากสหรัฐและพวกมากแล้ว เช่น เกาหลีเหนือ เวียดนาม อิรัก ซีเรีย ฯลฯ
ที่รัฐบาลเมียนมาชุดปัจจุบัน รอดจากกรงเล็บสหรัฐ ก็เพราะจีน และรัสเซีย จังก้าปกป้องไว้ ดังนั้นรัสเซีย กับสหรัฐ จึงแนวคิดต่างกันแบบ “น้ำกับน้ำมัน” รัสเซียเป็นน้ำดับไฟ แต่สหรัฐเป็นน้ำมันราดไปบนกองไฟให้ลุกโชนยิ่งขึ้น
เมื่อรัสเซีย มหาอำนาจอาวุธ พลังงาน อาหาร และจีน มหาอำนาจทางเศรษฐกิจการค้าประกาศ “ระเบียบโลกใหม่” ที่จะใช้น้ำไปดับไฟจากน้ำมันที่สหรัฐ และพวก ไปจุดไว้ทั่วโลก ย่อมทำให้ชาติตะวันตกที่ครองโลกมานานหลายศษวรรษ และมี “อภิสิทธิ์พิเศษ” เหนือชาวโลกมาตลอดต้องสูญเสียอำนาจนั้นไป ต้องดิ้นรนก่อกวนต่อต้านรัสเซีย และจีน ทุกวิถีทางที่จะไม่ให้โลกสงบสุขได้โดยง่าย โดยวิธีการที่ใช้มาตลอด คือ “สร้างสถานการณ์เอง โกหกเอง” แล้วบอกว่าเป็นฝีมือรัสเซีย กับจีนทำ
แต่เมื่อโลกเข้าสู่สังคมโซเชียลอินเตอร์เน็ต การหลอกลวงแบบเก่าเริ่มใช้ไม่ได้ผล ชาวโลกร่วมกันจับผิด และเห็นความไม่เป็นธรรมมากมายที่ชาติตะวันตกสร้างวีระกรรมไว้ การยอมรับ “ระเบียบโลกใหม่ แล้วทำลายระเบียบโลกเก่า” พุ่งสูงขึ้นตลอดเวลา สังคมโลกเริ่ม”รังเกียจ ไม่ต้อนรับ และไล่ต้อน” ชาติตะวันตกให้กลับไปอยู่ในมุมอับเล็กๆ ได้ปรากฎขึ้นทั่วโลกแบบไม่เคยพบมาก่อนในหลายทศวรรษ
ซาอุดิอาระเบีย , สหรัฐอาหรับอิมิเรต (UAE) มหาอำนาจพลังงาน ได้แบคดีแข็งข้อกับสหรัฐ อังกฤษ ขึ้นมาดื้อๆ ทั้งไม่ทำตามคำขอผลิตน้ำมัน และไม่ต้อนรับ จน รมต.ต่างประเทศสหรัฐ ต้องยอมเสียเกียรติคลานเข่าไปกราบขอโทษราชวงศ์ UAE ขณะพำนักพักผ่อนเป็นการส่วนตัวในราชจักรมอร็อกโกแต่ก็ได้รับการปฏิเสธ
ส่วนนายกรัฐมนตรีอังกฤษ แม้จะยอมเสียเกียรติ คลานเข่าไปพบราชวงศ์ซาอุฯ ก็ได้รับเพียงแห้วกลับบ้านมือเปล่า แม้จะส่งกระทรวงต่างประเทศซามูไรญี่ปุ่น ไปล็อบบี้ UAE ก็ไม่ได้น้ำมันติดมือเพิ่มมาสักหยด
ที่สุดแสบคือ บังอินเดีย ที่อังกฤษอดีตเจ้าอาณานิคมส่งรัฐมนตรีต่างประเทศไปขอร้องว่าหยุดซื้อน้ำมันจากรัสเซีย แต่ทางการอินเดีย บอกว่าอังกฤษซื้อน้ำมันรัสเซีย มากกว่าอินเดียอีก ให้อังกฤษทำให้ดูเป็นตัวอย่างก่อน ต่อมานายกรัฐมนตรีอังกฤษ ต้องยอมเสียเกียรติคลานเข่าไปพบนายกรัฐมนตรีอินเดีย ขอหยุดซื้อน้ำมัน และอาวุธ จากรัสเซียราคาถูก แล้วอังกฤษจะหาของแพงๆ กว่า 5 เท่ามาขายให้แทนแบบยุโรปเจอมาแล้วถ้วนหน้า
แต่ผู้นำอินเดีย กลับย้อนว่ารัฐบาลอังกฤษต้องขอโทษชาวอินเดียอย่างเป็นทางการก่อน ในเหตุทหารอังกฤษกราดยิงสังหารหมู่ชาวอินเดียเกือบ 500 ราย บาดเจ็บเกือบ 1,500 รายเมื่อ 103 ปีก่อน คราวปกครองอินเดีย ซึ่งอังกฤษไม่กล้าขอโทษ เพราะเท่ากับยอมรับสารภาพว่าตนคือ “ผู้สังหารหมู่ฆ่าล้างเผาพันธุ์พลเรือน” เสียเอง
ส่วนจีน ที่เคยเสียดินแดนตกเป็นเมืองขึ้นอังกฤษ สหรัฐ และชาติตะวันตก ก็ขายของลูกเดียวตั้งแต่ไม่จิ้มฟันยันรถไฟฟ้า ที่สหรัฐ อังกฤษ และยุโรปใช้กันทุกวันนี้ สูบเงินชาติตะวันตก แปลงเป็นทองคำมาเข้าจีนอย่างเดียวเฉพาะสหรัฐ ปี 2563 ซื้อของจีนบักโกรกมากกว่า 20 ล้านล้านบาท แทบจะปูถนนด้วยทองคำให้จีนทั้งประเทศอยู่แล้ว
สหรัฐ ขู่อะไรจีนก็ไม่สน ขู่ว่าอย่าซื้อพลังงานรัสเซีย อย่าค้าขายกับรัสเซีย จีนพยักหน้า แล้วก็ลงมือสั่งซื้อน้ำมัน ก๊าซ ถ่านหินจากรัสเซียเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า ธุรกิจอะไรที่ชาติตะวันตกถอนตัวไปจากรัสเซีย ทั้งจีน อินเดีย แห่หอบเงินไปลงทุนกว้านซื้อหมดเพราะสูบจากสหรัฐ และยุโรป มาเยอะจน GDP รัสเซีย ไตรมาสแรกรายรับมากกว่ารายจ่าย พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์เกินดุลเกือบ 2 ล้านล้านบาท..
สหรัฐ ขายอาวุธและส่งสมาชิกสภาสหรัฐยกฝูงไปยุแยงไต้หวัน จีนก็ยิงขีปนาวุธรุ่นใหม่จากเรือและซ้อมยกพลขึ้นบกบลัฟซะงั้น..ยุคนี้ไม่มีใครกลัวนักเลงชรากันซะแล้วเหรอ