รัสเซียเอาจริงไม่ขู่!!ยิงขีปนาวุธรุ่นใหม่ข้ามทวีป โชว์สหรัฐ-บริวารพร้อมบวก ขณะเมกาฯขู่ฟ่อสั่งG7 คว่ำบาตรเพิ่ม

1350

ผู้นำรัสเซีย ออกโรงประกาศกร้าว อวดความสำเร็จข่มศัตรู ลั่น ขีปนาวุธข้ามทวีป “ซาร์มัต” สามารถ “ทะลุทะลวง” ระบบป้องกันทุกชนิดบนโลกได้ ขณะที่รมว.คลังสหรัฐฯเข้าประชุมG7และ G20 ขู่ต้องลงโทษรัสเซีย-จีน ฐานอุดมการณ์แตกต่างและทำสหรัฐเสียประโยชน์ เรียกร้องให้พันธมิตรเพิ่มแรงกดดันทางเศรษฐกิจต่อรัสเซียให้หนักยิ่งขึ้น

วันที่ 21 เม.ย.2565 สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์และสปุ๊ตนิกรายงานว่ากองทัพรัสเซียทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีป ( ไอซีบีเอ็ม ) “ซาร์มัต” ซึ่งแปลว่า “ซาตาน” รหัส “อาร์เอส-28” ซึ่งเป็นรุ่นล่าสุด เมื่อช่วงบ่ายของวันพุธที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น ที่ศูนย์อวกาศ เพลเซตสก์ คอสโมโดรม ในภูมิภาคอาคันเกลสก์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของรัสเซีย โดยขีปนาวุธสามารถทำลายเป้าหมาย ที่อยู่ห่างออกไปทางตะวันออกอีกเกือบ 6,000 กิโลเมตร ในคาบสมุทรคัมชัตกา “ได้อย่างแม่นยำ”

ขีปนาวุธข้ามทวีป RS-28 Sarmat Inter-Continental Ballistic Missile ของรัสเซีย ถูกปล่อยออกจากคอสโมโดรมพลีเซ็ทก์(Plesetsk) ทางตอนเหนือของประเทศ การทดสอบนี้ถือเป็นครั้งแรกในชุดการทดสอบที่จำเป็นสำหรับการนำอาวุธใหม่มาใช้โดยกองกำลังทางยุทธศาสตร์ของรัสเซีย

ขีปนาวุธดังกล่าวได้บินไปทั่วประเทศกองทัพกล่าวว่า “หัวรบลงแตะพื้นในพื้นที่ที่กำหนดที่สนามฝึกคูราบนคาบสมุทรคัมชัตกาอย่างสำเร็จตามเป้าหมาย”

ขีปนาวุธทางยุทธศาสตร์แบบใช้ไซโลใหม่นี้ถูกตั้งค่าให้มาแทนที่ ขีปนาวุธ ICBM รุ่นก่อน ซาร์มัตสามารถบรรทุกอาวุธได้มากกว่า รวมทั้งสามารถติดตั้งหัวรบรูปแบบใหม่ได้ ซึ่งรวมถึง”ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง”ด้วย

ปธน.วลาดิเมียร์ ปูติน เรียกการเปิดตัวครั้งนี้ว่าเป็น“เหตุการณ์ที่สำคัญยิ่ง”สำหรับรัสเซียและแสดงความยินดีกับกองทัพที่ประสบความสำเร็จในการทดสอบการยิง

ปูตินกล่าวว่า“ระบบใหม่นี้มีลักษณะทางยุทธวิธีและทางเทคนิคที่ยอดเยี่ยม และสามารถเจาะระบบป้องกันขีปนาวุธที่ทันสมัยทั้งหมดได้ มันไม่มีความคล้ายคลึงใด ๆ ของที่อื่นในโลกและจะไม่มีอีกต่อไป”

ซาร์มัตจะเข้าประจำการอย่างเป็นทางการ และอาวุธยุทโธปกรณ์ชุดแรกจะถูกส่งไปยังกองกำลังขีปนาวุธทางยุทธศาสตร์ของประเทศ

อีกด้านหนึ่งของโลกที่วอชิงตันดีซี เจเน็ต เยลเลนรมว.คลังสหรัฐฯเข้าร่วมการประชุมฤดูใบไม้ผลิของไอเอ็มเอฟและธนาคารโลกในสัปดาห์นี้ เช่นเดียวกับการรวมตัวของเจ้าหน้าที่การเงินจากกลุ่มประเทศ G7 และ G20 ขณะเดียวกัน ผู้นำนักลงทุนมอสโกว์แฉว่า จริงๆแล้วนักลงทุนและธุรกิจเมกา ต้องการอยู่ในรัสเซียและยังคงติดต่อกันอยู่ เท่ากับสนับสนุนคำกล่าวของปธน.ปูตินที่ว่า การคว่ำบาตรของสหรัฐและพันธมิตรล้มเหลวนั่นเอง

ไคล์ โชสต๊าค(Kyle Shostak) ผู้อำนวยการกลุ่มนักลงทุนของรัสเซีย “เนวิเกเตอร์ อินเวสเตอร์ พรินซิเพิ่ลฯ (Navigator Principal Investors LLC) กล่าวว่า “ธุรกิจของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงยา สินค้าอุปโภคบริโภค และความบันเทิงต่างสนใจที่จะอยู่ในรัสเซียต่อไป” เขากล่าวใน ” ฟอรั่มเศรษฐกิจเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ทั้งนี้คณะผู้แทนธุรกิจของสหรัฐยังคง เปิดช่องทางการสื่อสารทางธุรกิจกับรัสเซียอยู่และยังคงมีความกระตือรือร้นอย่างมาก รอดูสถานการณ์เท่านั้น”

โชสต๊าคแบ่งธุรกิจต่างชาติเป็นสองกลุ่ม กลุ่มที่ออกจากตลาดรัสเซียด้วยเหตุผลทางความคิดและความกังวลในปัญหาความขัดแย้งของสองมหาอำนาจใหญ่พวกเขาอาจจะไม่กลับมารัสเซียในเร็วๆ นี้

แต่ยังมีอีกกลุ่มหนึ่งที่ออกเดินทางเนื่องจากแรงกดดันจากผู้ถือหุ้น แต่มีความตั้งใจจริงที่จะรอสถานการณ์ ดูขั้นตอนความขัดแย้งที่ได้รับการแก้ไข ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดและหาช่องทางและโอกาสที่เหมาะสมและปลอดภัยที่จะกลับมาอย่างเป็นทางการ

บางบริษัทเปลี่ยนชื่อการดำเนินงานในรัสเซียและโอนไปยังผู้จัดการหรือหุ้นส่วนชาวรัสเซียแบบนอมินี และกลุ่มนี้จะกลับมาเร็วกว่าที่หลายคนคิด

โชสต๊าคตั้งข้อสังเกตว่าปัจจัยทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งอีกประการหนึ่งที่สนับสนุนเศรษฐกิจของรัสเซียคือ ความสำเร็จในการโน้มน้าวให้ผู้ค้าสินค้ารัสเซียหลายรายจ่ายเป็นรูเบิลซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าของรูเบิลอย่างมีนัยสำคัญ

เจเน็ต เยลเลน รมว.คลังสหรัฐ กล่าวที่สภาแอตแลนติกในวอชิงตัน เรียกร้องให้มีกรอบการทำงานใหม่ และการปฏิรูปสถาบัน IMF และธนาคารโลก ทั้งสองหน่วยงานจะจัดการประชุมประจำปีในสัปดาห์นี้ โดยระบุด้วยว่าสงครามของรัสเซียในยูเครนและการที่จีนไม่เข้าร่วมการคว่ำบาตรที่สหรัฐฯ บังคับใช้กับรัสเซียเป็นจุดเปลี่ยนในเศรษฐกิจโลก

ดังนั้นในอนาคต นโยบายการค้าของสหรัฐฯ จะไม่เพียงแค่ปล่อยให้ตลาดดำเนินไปตามปกติ แต่จะรักษาหลักการ ตั้งแต่อธิปไตยของชาติและคำสั่งตามกฎ ไปจนถึงความปลอดภัยและสิทธิแรงงาน เป้าหมายของอเมริกาไม่ควรเป็นเพียง “การค้าเสรีและปลอดภัย” ไม่ควรอนุญาตให้ประเทศต่างๆเติบโต และใช้ “ตำแหน่งทางการตลาดในวัตถุดิบ เทคโนโลยี หรือผลิตภัณฑ์หลัก เพื่อให้ได้มาซึ่งความสามารถในการทำลายเศรษฐกิจของเรา หรือใช้อิทธิพลทางภูมิรัฐศาสตร์อีกต่อไป” 

เห็นได้ชัดว่าสิ่งนี้หมายถึงการเมืองเกี่ยวกับน้ำมันของรัสเซีย แต่ก็สามารถนำไปใช้กับการผลิตชิปในไต้หวันหรือการกักตุนแร่หายากและอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลของจีนในช่วงการแพร่ระบาดได้อย่างง่ายดาย

ท่าทีและคำพูดอย่างเปิดเผยของเยลเลนฯ สะท้อนรากฐานความคิดของกลุ่มแกนนำของสหรัฐว่ามีธาตุแท้เป็นเผด็จการผูกขาดโดยแท้  เพราะโกรธกริ้วที่ตัวเองส่งเสริมประชาธิปไตยและทุนเสรี ทำให้เกิดมหาอำนาจทางเศรษฐกิจใหม่อย่างจีนและรัสเซีย ที่เคยถูกตะวันตกทำลายจนง่อยเปลี้ยและสูบเลือดมานาน กลับผงาดมาท้าทายมหาอำนาจเก่าอย่างสหรัฐและตะวันตก และระบุชัดว่าเป้าหมายที่จะต้องทำลาย คือ รัสเซียและจีน อย่างไม่ต้องสงสัยกันอีก

ความปราถนาของเยลเลนฯคงไม่อาจเป็นจริง เพราะแว่วข่าวล่าสุดว่า G7แข็งข้อไม่ขอคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่ม เพราะประกาศแซงก์ชั่นไปแล้วกว่า 6,000 เรื่อง ขณะที่G20 ก็ไม่น่าจะตามใจสหรัฐ  เพราะเชิญรัสเซียเข้าร่วมประชุมทุกนัดและรัสเซียส่งวีไอพีมาร่วมประชุมทุกนัดเช่นกัน สหรัฐฯยังไม่รู้ตัวอีกว่า นานาชาติทั่วโลกเขาเบื่อหน่ายท่าทีวางอำนาจบาตรใหญ่ พร้อมข่มขู่ลงโทษคว่ำบาตรไม่จบสิ้น  อำนาจที่ใช้มากอย่างไม่สมเหตุผลย่อมไร้ความหมาย!!