อนุชา ย้ำรัฐบาลจำเป็น ต้องประกาศสถานการณ์ร้ายแรงพื้นที่กทม.เพื่อความสงบเรียบร้อยของประเทศ ป้องกันก้าวล่วงสถาบัน ความรุนแรงในอนาคต เผย 16 ต.ค.ถกครม.นัดพิเศษ รับทราบคำสั่ง-ประกาศ
เมื่อเวลา 12.40 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวภายหลังพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีประกาศสถานการณ์ที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร คำสั่ง และออกข้อกำหนด รวม 4 ฉบับ จากเหตุการณ์ชุมนุมใหญ่วันที่ 14 ต.ค.ว่า เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยในประเทศ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกทม.ถือว่าเป็นการป้องกันความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งเห็นได้จากเหตุการณ์การชุมนุมเมื่อวันที่ 14 ต.ค.ที่มีผลกระทบกับชาวไทยเป็นจำนวนมากคือ การที่มีผู้ชุมนุมไปกระทบกับขบวนเสด็จพระราชดำเนิน มีการกล่าวล่วงสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งการใช้วาจาปลุกปั่นก้าวล่วง รัฐบาลอยากป้องกันไม่ให้เกิดการเผชิญหน้าระหว่างประชาชนคนไทยด้วยกันเอง ซึ่งเห็นได้ว่ามีหลายส่วนที่แสดงท่าที ไม่ต้องการให้กลุ่มผู้ที่มาชุมนุมได้ก้าวล่วงและพาดพิงสถาบัน และไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นอีก รัฐบาลจำเป็นที่จะต้องรักษาความสงบเรียบร้อย ป้องกันความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้น
นายอนุชา กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ตนคิดว่าการพูดคุยกัน ยังเป็นเรื่องที่มีโอกาสที่จะเปิดเวทีรับฟังความเห็นต่างๆ ได้ รัฐบาลเองอยากจะให้ผู้ที่ชุมนุมทั้งหมดเคารพในสิทธิเสรีภาพของส่วนรวมด้วย นอกจากนั้นเรายังอยู่ในช่วงเฝ้าระวังโควิด-19 ขณะที่ภาคเศรษฐกิจก็ย้ำว่า เศรษฐกิจจะดำเนินไปได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับความสงบเรียบร้อยในประเทศด้วย ทั้งนี้โควิดเราควบคุมได้ ส่วนมาตรการเศรษฐกิจก็ทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นขอให้ทุกท่านระมัดระวังในเรื่องกระทบกระทั่งกัน ที่สำคัญที่สุดขอให้ระมัดระวังการโพสต์ข้อความหรือแสดงความคิดเห็นในโซเชียลมีเดีย ส่วนผู้ที่ถูกดำเนินคดีจะมีใครบ้างเป็นความรับผิดอบของตำรวจที่จะต้องดำเนินการต่อไป ขณะที่รัฐบาลจะพยายามรักษาความสงบเรียบร้อยให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ดังนั้นขอให้ทุกฝ่ายได้มีส่วนร่วมในการพูดคุยกัน โดยต้องอยู่ในกรอบความเรียบร้อยของกฎหมาย
เมื่อถามว่า การนัดหมายชุมนุมที่แยกราชประสงค์ในเย็นวันนี้จะเกิดขึ้นได้หรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า ข้อกำหนดทั้งหมดได้ประกาศไว้ครอบคลุมแล้ว ว่าห้ามไม่ให้ชุมนุมหรือมั่วสุมเกิน 5 คนขึ้นไปหรือการกระทำที่ยุยงไม่เกิดความไม่สงบเรียบร้อย ดังนั้นขอให้ทุกคนระมัดระวังการกระทำผิดกฎหมายในช่วงนี้ ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี อยากให้ทุกคนช่วยกันเดินหน้าประเทศ สิ่งที่เน้นย้ำก็คือรวมไทยสร้างชาติ ไม่ว่าเรื่องใดๆก็ตาม ขอให้รวมใจเป็นหนึ่งเดียว ร่วมกันฟันฝ่าอุปสรรค ไม่ว่าจะเศรษฐกิจหรือโควิด หรือเรื่องอื่นๆที่เห็นต่างกัน รัฐบาลก็พร้อมเปิดเวทีรับฟังทุกอย่างภายใต้กฎหมาย โดยเสียงส่วนใหญ่ต้องฟังเสียงส่วนน้อย เสียงส่วนน้อยก็ต้องเคารพสิทธิเสรีภาพของทุกฝ่ายเช่นเดียวกัน
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ในวันที่ 16 ต.ค.2563นี้จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)นัดพิเศษ ซึ่งเป็นการประชุมคณะเล็ก เพื่อให้รับทราบคำสั่งและประกาศที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้คำสั่ง ข้อกำหนด ประกาศสานการณ์ร้ายแรงในเขตท้องที่กทม. โดยจะมีการประชุมกันที่ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า เวลา 10.00 น.