“วินท์ สุธีรชัย” ประกาศลาออก “ก้าวไกล” เผยไปก่อตั้งพรรคการเมืองเอง ขออุทิศตนเพื่อปชช.-ปท.ที่รัก!?

1805

“วินท์ สุธีรชัย” ลาออกส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กประกาศยุติบทบาทผู้ทรงเกียรติ เผยไปก่อตั้งพรรคการเมืองเอง อยู่ระหว่างขอจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมือง คาดใช้ชื่อ “รวมไทย ยูไนเต็ด” เตรียมแถลงเปิดตัวพรุ่งนี้

จากกรณีที่วันนี้ (6 ตุลาคม 2564) ที่ลานประติมากรรม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ แกนนำพรรคก้าวไกล และคณะก้าวหน้า ประกอบด้วยนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า, นางสาวพรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า, นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล, และนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ร่วมพิธีรำลึกครบรอบ 45 ปีเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 และวางพวงมาลารำลึกวีรชนผู้สูญเสียจากเหตุการณ์ ร่วมกับญาติวีรชน คนเดือนตุลา ภาคประชาสังคม นักเรียน นิสิต นักศึกษา และตัวแทนพรรคการเมืองต่าง ๆ

โดยทางด้าน นายพิธา ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อ 45 ปีที่แล้วมาจนถึงปัจจุบัน อาจสรุปได้ว่าเหตุการณ์ทุกเหตุการณ์ ไม่ว่าจะเป็น 6 ตุลา, พฤษภา 35, เมษา-พฤษภา 53 มาจนถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ ล้วนแต่มีรากเหง้าของปัญหาเดียวกันที่ไม่เคยได้รับการชำระ นั่นคือความรุนแรงของรัฐ ที่เข้าปราบปรามคนเห็นต่าง ไม่อนุญาตให้คนที่มีความคิดแตกต่างได้ดำรงอยู่ในสังคม และวัฒนธรรมการพ้นผิดลอยนวล ที่วันนี้ยังไม่มีผู้ต้องรับผิดต่อ 41 ชีวิตที่ต้องสูญเสียไปในวันนั้น มาจนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ ยังคงมีเยาวชนคนหนุ่มสาวที่ได้รับความรุนแรงทั้งจากการปราบปรามบนท้องถนนและการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ มีเยาวชนที่โดนคดีมาตรา 112 ถึง 148 คน และมีผู้ถูกดำเนินคดีความทางการเมืองสำหรับคนเห็นต่าง 2 พันกว่าคดี

วันนี้รัฐไทยยังไม่คิดที่จะฟังเสียงของประชาชน ไม่คิดที่จะรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่รับฟังความฝันของคนรุ่นใหม่ ไม่รับฟังความต้องการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย ไม่ประนีประนอม พร้อมใช้ความรุนแรงกับประชาชน พรรคก้าวไกลมีข้อเสนอ นั่นคือรัฐต้องยุติความรุนแรงกับประชาชนและนิติสงครามโดยทันที พฤติกรรมของรัฐในวันนี้สะท้อนถึงความแข็งตัวของรัฐ ยิ่งใช้ความรุนแรงเข้าสู้กับอนาคตของชาติ การชุมนุมแต่ละครั้งยิ่งจะปะทุรุนแรงมากขึ้น การใช้คดีความเข้าปราบปรามประชาชนก็ไม่ได้ทำให้ผลลัพธ์เปลี่ยนแปลงไป เราจำเป็นต้องเปิดพื้นที่ปลอดภัย ให้คนรุ่นใหม่ได้พูดความจริงแห่งยุคสมัย เปิดให้มีการประนีประนอมระหว่างกัน ปัญหาที่เกิดขึ้นทุกอย่างต้องแก้ด้วยกระบวนการทางการเมือง ยอมรับความเห็นต่างให้เป็นเรื่องปกติ มีแต่ทำเช่นนี้เท่านั้น ผลลัพธ์ความขัดแย้งทางการเมือง 45 ปีที่ผ่านมาจึงจะถูกชำระและเดินหน้าต่อไปได้

ล่าสุด ทางด้าน นายวินท์ สุธีรชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กประกาศลาออกยุติจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยระบุว่า

“ตลอดระยะเวลาของการปฏิบัติหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมากว่า 2 ปี ผมมีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าในการขับเคลื่อนประเทศชาติให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างสันติ เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของประชาชนและเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคม วันนี้ด้วยสถานการณ์และบริบทต่างๆที่เปลี่ยนแปลงไป ผมขอยุติบทบาทการทำหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพื่อยืนหยัดและเดินตามอุดมการณ์ของผมที่ได้แสดงเจตจำนงไว้ตั้งแต่แรกเริ่ม ผมขอขอบคุณพรรคอนาคตใหม่ที่ให้โอกาสผมเข้าสู่การเมือง ขอบคุณพรรคก้าวไกลที่ได้ให้ความไว้วางใจและสนับสนุนผมตลอดมา ขอบคุณประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร รวมถึงเพื่อนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกท่านที่ให้การสนับสนุนการทำงานของผมอย่างดีในช่วงเวลาที่ได้ทำงานด้วยกัน ผมได้เรียนรู้และได้รับประสบการณ์อย่างมากในการทำหน้าที่ตรงนี้ และจะนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้ไปทำงานรับใช้ประชาชนอย่างดีที่สุด นับจากนี้ ผมขออุทิศตัวเองทำงานเพื่อประชาชนและเพื่อประเทศไทยที่รักของพวกเราทุกคนตามอุดมการณ์ทางการเมืองของผมต่อไปขอบคุณครับ”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การลาออกของนายวินท์ในครั้งนี้ เพื่อต้องการไปก่อตั้งพรรคการเมืองเอง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการขอจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมือง โดยคาดว่าจะใช้ชื่อ “รวมไทย ยูไนเต็ด” ซึ่งเบื้องต้นมีกำหนดการแถลงข่าวเปิดตัวในวันพรุ่งนี้ 7 ต.ค. 64

มีรายงานว่า ขณะเดียวยังมี ส.ส.พรรคก้าวไกล จำนวน 9 คน ที่ไม่ได้ร่วมลงชื่อแก้ไขมาตรา 112 ประกอบไปด้วย

1. นายวินท์ สุธีรชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ
2. นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ
3. นายเกษมสันต์ มีทิพย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
4. น.ส.วรรณวรี ตะล่อมสิน ส.ส.กทม.
5. นายทศพร ทองศิริ ส.ส.กทม.
6. นายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ ส.ส.กทม.
7. นายขวัญเลิศ พานิชมาท ส.ส.ชลบุรี
8. นายเอกภพ เพียรพิเศษ ส.ส.เชียงราย
9. นายพีรเดช คำสมุทร ส.ส.เชียงราย