สมุนสหรัฐหนาวแน่! กองทัพรัสเซีย ตั้งฐานพร้อมรบใกล้โปแลนด์ รัศมีทำลายยุโรปได้ทุกประเทศ?

2065

จากกรณีที่วันนี้ (3 เมษายน 2565) ทางเพจ World Update ได้โพสตข้อความถึงกรณีสถานการณ์ระหว่างรัสเซียและยุโรป โดยอ้างอิงจากกลาโหมรัสเซียและสื่อท้องถิ่นเบลารุส ระบุว่า

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ฮิตเลอร์ ผู้นำเยอรมนี มีคำสั่งให้กองทัพเยอรมนี และพันธมิตร คือ ฟินแลนด์ เสปน บุกยึดเมืองเลนินกราด (ชื่อสมัยนั้น) เมืองหลวงเดิมของรัสเซีย ที่อยู่ติดทะเลบอลติก เป็นฐานทัพหลักของกองเรือโซเวียต เขตอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่ง และเป็นที่ตั้งของโรงงานอาวุธจำนวนมาก โดยกองทัพเยอรมนี ปิดล้อมแล้วใช้ปืนใหญ่ระดมยิง พร้อมสั่งกำลังทหารราบบุก โดยฮิตเลอร์ มั่นใจมากว่าจะได้ชัยชนะในเวลาอันสั้น จากนั้นสั่งบุกโดเนคส์ และมอสโกต่อ แต่การปิดล้อมของเยอรมนีครั้งนั้น กลับได้รับการต้านทานอย่างเหนียวแน่น
และฝ่ายสหภาพโซเวียติมีชัยชนะในที่สุด ผลการสู้รบใช้เวลานาวนานถึง 2.5 ปี มีผู้เสียชีวิต 1.5 ล้านคน อพยพ 1.4 ล้านคน และมีจำนวนมากที่เสียชีวิตขณะอพยพ สร้างความเคืองแค้นให้สหภาพโซเวียติอย่างมาก จนเป็นมูลเหตุให้ร่วมกับสหรัฐ อังกฤษ และฝ่ายสัมพันธมิตร ตอบโต้บุกบดขยี้กองทัพเยอรมนีจนแหลกราญแบบไม่ปราณี ถล่มจนราบ แล้วยึดกรุงบอร์น เมืองหลวงเยอรมนีสมัยนั้นได้ในที่สุด ปัจจุบันเมืองเลนินกราด เปลี่ยนชื่อเป็น นครเซนต์ปีเตอส์เบิร์ก มีประชากร 5.3 ล้านคน ห่างจากเมืองคาลีนินกราด 968 กม. ที่เป็นดินแดนอีกส่วนหนึ่งของสหพันธรัฐรัสเซีย
ล่าสุดมีรายงานว่ากองทัพรัสเซีย ในนครเซนต์ปีเตอส์เบิร์ก (รัสเซียเหนือ) และคาลีนินกราด (เหนือโปแลนด์) ได้ติดตั้งและพร้อมรบอาวุธหนักหลายชนิด เช่น ขีปนาวุธ Iskander , Hypersonic Missile รุ่น Tsirkon ซึ่งมีรัศมีทำลายล้างยุโรปได้ทุกประเทศ โดยเป็นพิกัดจุดนี้สามารถยิงถล่มโปแลนด์ได้ทั้งประเทศ และยังพบว่ากองทัพรัสเซีย สั่งขนขีปนาวุธต่อต้านอากาศยาน S-300 และ S-400 ขบวนรถเป็น 100 คัน ในเขตแดนเบลารุส เข้าประชิดชายแดนยูเครนทิศเหนือ และอีกด้านทางชายแดนโปแลนด์ เป็นความเคลื่อนไหวการจัดกำลังรบที่สัมพันธ์กับฝ่าย NATO ขนย้ายรถถังจำนวนมากผ่านทางกรีซโดยรถไฟ มุ่งส่งต่อให้โปแลนด์
และไม่กี่วันที่ผ่านมามีเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ Mi-24 จำนวน 2 ลำที่บินต่ำเหนือแนวหลังคา แล้วใช้จรวดโจมตีคลังน้ำมันในเขตเมืองเบลโกรอด ของรัสเซีย ห่างจากชายแดนยูเครนราว 40 กม.เกิดเพลิงไหม้ และมีคนงานบาดเจ็บ 2 ราย กลาโหมรัสเซียระบุว่า เป็นเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพยูเครน ต่อมากระทรวงต่างประเทศยูเครนแถลงปฏิเสธว่าไม่ใช่ฝีมือของกองทัพของตน ด้านรัฐบาลรัสเซีย ได้ยกเลิกผลการเจรจาสงครามที่ผ่านมาทั้งหมด 5 ครั้งทันที และการเจรจาสงครามต่อไปรัสเซียอาจปฏิเสธ จากนั้นกองทัพรัสเซีย สั่งเช็คบิลถล่มคลังน้ำมันสุดท้ายของกองทัพยูเครน จนแหลกเพลิงไหม้น้ำมันจนหมด และถล่มอาวุธหนักรุนแรงขึ้นกว่าเดิมแบบไม่ปรานี ใส่เป้าหมายทางทหารยูเครน
นอกจากกองทัพรัสเซีย จะระดมฐานยิงขีปนาวุธร้ายแรงชนิดต่างๆ ในนครเซนต์ปีเตอส์เบิร์ก , เมืองคาลีนินกราด และขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานในเบรารุส ประชิดชายแดน ยูเครนและโปแลนด์แล้ว กองทัพรัสเซีย ยังมีการสลับสับเปลี่ยนจัดกำลังรบใหม่ทางดินแดนที่ยึดครอง ภูมิภาคดอนบาส ยูเครนตะวันออกเดิม และเมืองชายฝั่งทะเลอาชอฟ ไปจรดทะเลดำ ถึงประเทศมอลโดวา ลักษณะการจัดทัพเป็นรูปปากฉลามอ้า คล้ายว่าพร้อมจะบุกยูเครนตะวันตก ทะลวงเข้าโปแลนด์ ยาวไปจรดเมืองคาลินินกราด เพราะโปแลนด์ยังปล่อยให้ NATO ใช้เป็นทางผ่านอาวุธเข้ายูเครน ซึ่งประธานาธิบดีปูตินเตือนแล้ว ว่าชาตินั้นแม้จะอยู่ไกลแค่ไหนก็จะเป็นเป้าหมายถล่มของกองทัพรัสเซีย