นายกฯพอใจ! สารพัดวิธีแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน ทำได้ดีแต่ยังไม่พอ สั่งลุยต่อเร่งชวนปชช.ร่วมโครงการให้มากที่สุด

971

ปัญหาหนี้ครัวเรือน เป็นปัญหาสะสมของเศรษฐกิจไทย ที่หากไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง จะฉุดรั้งการบริโภคภาคเอกชนซึ่งเป็นเครื่องยนต์สำคัญในการขับเคลื่อนการขยายตัวของเศรษฐกิจ และเป็นจุดเปราะบางสำคัญของระบบการเงิน รัฐบาลได้กำหนดปี 2565 เป็นปีแห่งการแก้ปัญหาหนี้สินภาคประชาชน แม้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ลงมือแล้วต้องก้าวต่อไป ล่าสุดมีความคืบหน้าในการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบมากขึ้น เรื่องนี้นายกฯพอใจผลงานของทีมอยู่ แต่สั่งเร่งทำต่อท่ามกลางความเปราะบางของเศรษฐกิจโลกที่ได้รับผลกระทบจากสงครามยูเครนโดยทั่วหน้า ซึ่งประเทศไทยก็ไม่เว้น

วันที่ 23 มี.ค.2565 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความคืบหน้าการแก้ปัญหาหนี้ภาคประชาชนตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ที่กำหนดให้ปี 2565 เป็นปีแห่งการแก้หนี้ภาคครัวเรือน  หลังมีการดำเนินการมาระยะหนึ่งแล้ว  ปรากฏผลอย่างเป็นรูปธรรม  

ซึ่งจากนี้  จะเร่งสร้างการรับรู้ต่อสาธารณะให้มากขึ้นอีก เพื่อประชาชนที่มีปัญหาหนี้สินจะได้ใช้ประโยชน์จากมาตรกการช่วยเหลือของรัฐบาลอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ คณะกรรมการติดตามการดำเนินนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ได้มีการประชุมเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2565 และรายงานความคืบหน้าให้คณะรัฐมนตรีรับทราบ ด้งนี้

1.การแก้ไขปัญหาหนี้กองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ซึ่ง กยศ.ได้ดให้เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาไปแล้ว 6.15 ล้านราย วงเงินรวม 6.75 แสนล้านบาท พร้อมออกมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้สินช่วยผู้กู้ยืม เช่น ลดเบี้ยปรับร้อยละ 100 กรณีปิดบัญชีคราวเดียว 58,286 ราย และลดเบี้ยปรับร้อยละ 80 กรณีชำระหนี้ทันงวด 325,231 ราย นอกจากนี้ กระทรวงยุติธรรมได้บูรณการแก้ไขปัญหาหนี้สิน กยศ.อย่างเป็นระบบทั้งก่อนศาลมีคำพิพากษาและหลังจากศาลมีคำพิพากษาเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้

 

2.กำหนดให้การไกล่เกลี่ยและการปรับโครงสร้างหนี้เป็นวาระของประเทศ ซึ่งเน้นสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (SFls) และวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) โดยสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.) ได้จัดโครงการพักชำระหนี้ของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองตามความสมัครใจ ซึ่งมีกองทุนเข้าร่วม 413 กองทุน สมาชิกรวม 32,055 ราย รวมวงเงินกู้ที่พักชำระหนี้จำนวน 901 ล้านบาท 

นอกจากนี้ กระทรวงการคลังร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทยและธนาคารพาณิชย์ ดำเนินโครงการหมอหนี้เพื่อประชาชน ซึ่งเป็นการพัฒนาเว็บไซต์ แชทบอท และไลน์ เพื่อให้คำปรึกษาเกี่ยวกับแนวทางปรับธุรกิจและมาตรการต่างๆ ให้กับลูกหนี้เป็นรายกรณีด้วย

3.การแก้ปัญหาหนี้เช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ กระทรวงยุติธรรมได้จัดมหกรรมไกล่เกลี่ยช่วยเหลือลูกหนี้ ปรับโครงสร้างหนี้ และพักชำระหนี้ ประมาณ 5,000 คัน ซึ่งกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างหารือร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อกำหนดแนวทางกำกับดูแลสินเชื่อและธุรกรรมที่มีลักษณะคล้ายสินเชื่อ

4.การแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการ โดยเฉพาะข้าราชการครูและข้าราชการตำรวจ      ในส่วนกระทรวงศึกษาธิการได้ดำเนินการ เช่น ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สวัสดิการตัดเงินเดือนให้เป็นสวัสดิการที่แท้จริง โดยสหกรณ์ออมทรัพย์ครูไม่น้อยกว่า 10 แห่ง ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงเหลือไม่เกินร้อยละ 5 และขยายผลการแก้ไขหนี้ครูผ่านสหกรณ์ต้นแบบ  สำหรับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ   ข้าราชการตำรวจได้รับการแก้ไขปัญหาหนี้สินแล้วหลายพันราย

กรณี การแก้ไขปัญหาหนี้สินนอกระบบนั้น ได้มีการดำเนินการ อาทิ จับกุมเจ้าหนี้นอกระบบที่กระทำผิดกฎหมายตั้งแต่เดือนตุลาคม 2559 – ธันวาคม 2564 จำนวน 10,375 คน กระทรวงการคลังได้เพิ่มช่องทางการเข้าถึงสินเชื่อในระบบให้กับลูกหนี้นอกระบบและประชาชนทั่วไป เช่น สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ โดยมีผู้ที่ได้รับใบอนุญาตแล้ว 1,029 ราย ใน 75 จังหวัด และอนุมัติสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ให้กับประชาชนรายย่อยแล้ว 1.24 ล้านบัญชี วงเงินรวม 1.69 หมื่นล้านบาท ขณะเดียวกัน กระทรวงยุติธรรม ได้จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมโดยแก้ปัญหาหนี้นอกระบบปีงบประมาณ 2564 จำนวน 187 เรื่อง ทุนทรัพย์ 118.50 ล้านบาท ปีงบประมาณ 2565 (ช่วงตุลาคม -ธันวาคม 2564) จำนวน 32 เรื่อง ทุนทรัพย์ 7.06 ล้านบาท และได้แก้ไขปัญหาการฉ้อโกงหลอกลวงประชาชน โดยดำเนินคดีฐานความผิดแชร์ลูกโซ่ เป็นเรื่องสืบสวนที่อยู่ระหว่างดำเนินการ 10 เรื่อง และเป็นคดีพิเศษอยู่ระหว่างดำเนินการ 17 เรื่อง

นางสาวรัชดากล่าวย้ำว่า “นายกรัฐมนตรียังสั่งการทุกหน่วยงาน บูรณาการการติดตามประเมินผลการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน ที่มีหลายมิติและแตกต่างกันทั้งกลุ่มเป้าหมาย วิธีการ และระยะเวลา และเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน นอกจากนี้ ยังเน้นให้หน่วยงานเจ้าของเรื่องสร้างการรับรู้ถึงผลการดำเนินงานที่ผ่านมา  สามารถแก้ปัญหาลูกหนี้ได้จริง โดยต่อไปยังมีการแก้กฎหมายที่จะช่วยให้ลูกหนี้ใช้เงินสะสมในกองทุน แบ่งบางส่วนเพื่อแก้ปัญหาหนี้ปัจจุบันได้  ซึ่งประเด็นการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ถึงมาตรการแก้หนี้ของรัฐบาล เป็นเรื่องที่นายกฯให้ความสำคัญอย่างมาก เพราะท่านนายกฯ ไม่อยากให้ประชาชนเสียโอกาสในการบรรเทาภาระหนี้”