จากกรณีที่สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเคียฟ ประเทศยูเครน ระบุว่าประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ออกมาเปิดเผยถึงสงครามภายในประเทศ ซึ่งยืดเยื้อตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา จากปฏิบัติการทางทหารของกองทัพรัสเซีย ว่าหนทางเดียวที่จะยุติความรุนแรงนี้ได้ คือการที่เขาต้องได้เข้าพบกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย
โดยข้อตกลงใดก็ตามที่จะเกิดขึ้น ต้องผ่านการลงประชามติจากประชาชนในประเทศด้วย และรัฐบาลเคียฟไม่มีทางยอมรับ “เส้นตาย” หรือ “การยื่นคำขาดใด” จากรัสเซียอีก
ล่าสุดทางด้านนายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์เฟซบุ๊ก Nantiwat Samart ระบุถึงประเด็นนี้ว่า น้ำไม่ไหลกลับ River of No Return น้ำไม่ไหลกลับ โอกาสที่รัสเซียและตะวันตกจะมาคืนดีกัน มันมืดมน
สังเกตจากคำให้สัมภาษณ์ของนาย ลาลอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียเมื่อ 19 มีนาคม ว่ารัสเซียจะไม่เป็นฝ่ายริเริ่มฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและตะวันตกให้กลับเป็นปกติ โดยระบุว่าความสัมพันธ์ระหว่างสองฝ่ายมาถึงทางตันที่ตะวันตกเลือกเดินไปสู่ทางตันเอง และไม่รู้ว่าจะออกจากทางตันนี้อย่างไร แถมระบุด้วยว่า ตะวันตกเป็นหุ้นส่วนที่เชื่อถือไม่ได้ และระบุถึงทรัพย์สินของรัสเซียที่ถูกยึดโดยตะวันตก และเตือนให้ประเทศอื่น ๆ ระวังมีสิทธิที่จะถูกขโมยด้วยเช่นกัน เกือบชัดเจนแล้วว่า การเจรจามาถึงทางตันแน่นอน
นายเซเลนสกีให้สัมภาษณ์สื่อซีเอ็นเอ็นเมื่อ 20 มีนาคม ว่า ไม่อาจยอมรับการประนีประนอมที่ยูเครนจะต้องเสียดินแดน อธิปไตยและไม่อาจยอม รับการถูกบีบบังคับด้วยกำลัง
ในด้านสถานการณ์สู้รบ รัสเซียยิงจรวดไฮเปอร์โซนิคอีกลูก ทำลายศูนย์ฝึกอาวุธและที่ส้องสุมกำลังนักรบต่างชาติใกล้เมือง Ovruch ก่อนหน้านี้รัสเซียได้ยิงจรวดไฮเปอร์โซนิคต่อเป้าหมายศูนย์ฝึกนักรบต่างชาติที่ Yavoriv ในส่วนของอาวุธที่ตะวันตกจะส่งให้ยูเครน ในชั้นนี้มีรายงานว่า สหรัฐฯ จะให้การสนับสนุนจรวดต่อสู้อากาศยานแพรทติออตจำนวนมากกับยูเครนผ่านสโลวาเกีย แต่ต้องติดตั้งระบป้องกันอากาศยานให้สโลวาเกียก่อน ซึ่งรัสเซียขู่ว่าอาวุธที่จะส่งให้ยูเครนจะเป็นเป้าหมายถูกโจมตี
การสู้รบครั้งนี้จะขยายตัวมั้ย ฝ่ายใดจะหมดความอดทนก่อนกัน หรือจะเกิดเหตุปืนลั่นโดยไม่ตั้งใจ อันจะกลายเป็นชนวนสงครามโลก แต่ที่แน่ ๆ เศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก ตัวใครตัวมัน