เสียวสันหลัง??ระวังมือที่สาม ปธน.ยูเครนส่อถอดใจ ไม่ดื้อเข้านาโต้อีกแล้ว สหรัฐเตรียมตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น

1199

สถานการณ์ความเคลื่อนไหวในสงครามยูเครนล่าสุด ฝ่ายปธน.เซเลนสกีแห่งยูเครน เผยว่าจะไม่เดินหน้ากดดันขอให้ยูเครนเป็นสมาชิกนาโต้อีกต่อไปแล้ว แต่ยังไม่ยอมรับเงื่อนไขเรื่องสถานะของโดเนตสก์และลูฮันสก์ในดอนบาสที่รัสเซียเพิ่งรับรองการเป็นรัฐอิสระ อ้างว่าไม่มีใครยอมรับมีแต่รัสเซียที่ยอมรับแต่พร้อมเจรจา ซึ่งดูเหมือนยอมแต่ก็แปลว่ายังไม่ยอมนั่นเอง ซึ่งเป็นท่าทีการเจรจาแบบเดียวกับสหรัฐและนาโต เจรจากับรัสเซียกี่รอบก็ล้มเหลว ปากพูดอย่างแต่ทำอีกอย่าง

ข้อที่น่าสังเกตุคือมีการปล่อยข่าวจากสื่อตะวันตกว่า อาจมีการลอบสังหารปธน.ยูเครนเพื่อปิดจ็อบสงคราม ในขณะที่สหรัฐเปิดเผยว่ากำลังคุยกับพันธมิตรยุโรปในการจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นหากมีเหตุการณ์ฉุกเฉินเมื่อผู้นำยูเครนเสียชีวิต ฟังแล้วเสียวสันหลังแทนเซเลนสกี เขารู้ไหมว่าผู้สนับสนุนหลักของเขาทั้งสหรัฐและตะวันตกเตรียมหาตัวแทนเขาแล้วเผื่อเหตุสุดวิสัย ตอนนี้การข่าวรัสเซียว่าเขาอยู่ที่เมืองลวีฟ ใกล้ชายแดนยูเครนติดโปแลนด์ ส่วนฝ่ายค้านยูเครนบอกอยู่สถานทูตสหรัฐในโปแลนด์ แต่เจ้าตัวยังปฏิเสธซึ่งไม่มีใครรู้จริงว่าเขาอยู่ที่ไหน

วันที่ 9 มี.ค.2565 สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ปธน.โวโลดิมีร์ เซเลนสกีเปิดเผยท่าทีขานรับเงื่อนไขข้อหนึ่งของมอสโกว์ เขาบอกด้วยว่าเขาเปิดกว้างสำหรับ “ประนีประนอม” ในประเด็นสถานะของ 2 เขตแบ่งแยกดินแดนฝักใฝ่รัสเซีย ที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เพิ่งรับรองในฐานะรัฐเอกราช 

เซเลนสกีให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอบีซีนิวส์ ซึ่งออกอากาศในคืนวันจันทร์ที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา เขากล่าวว่า”ผมใจเย็นลงในเรื่องเกี่ยวกับคำถามนี้มาสักพักแล้ว หลังจากเราตระหนักว่า นาโต้ไม่พร้อมอ้าแขนรับยูเครน พันธมิตรต่างกลัวสิ่งต่างๆ อันเป็นที่ถกเถียงและกลัวการเผชิญหน้ากับรัสเซีย” 

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นาโตได้ขยายอาณาเขตไปทางทิศตะวันออกมากขึ้นเรื่อยๆ ครอบคลุมบรรดาประเทศอดีตสหภาพโซเวียตทั้งหลาย ซึ่งโหมกระพือความโกรธเคืองจากรัสเซียในการขยายกำลังทหารและขีปนาวุธติดรั้วบ้าน รัสเซียถือว่าการขยายอาณาเขตของนาโต้เป็นภัยคุกคามต่อรัสเซียโดยตรง และผิดสัญญาที่ให้ไว้ในอดีต

ประธานาธิบดีปูตินได้ประกาศรับรอง 2 รัฐเอกราช สาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์และสาธารณรัฐประชาชนลูฮันสก์ ทางภาคตะวันออกของยูเครน ซึ่งมีปัญหาขัดแย้งและทำสงครามกับเคียฟมาตั้งแต่ปี 2014 หลังวิกฤตการจลาจลเพราะการโค่นล้มรัฐบาลเลือกตั้งชุดที่สหรัฐและตะวันตกมองว่านิยมรัสเซีย

เวลานี้ ปูตินยื่นเงื่อนไข ต้องการให้ยูเครนรับรองทั้ง 2 เขตในฐานะรัฐอธิปไตยและเป็นรัฐเอกราช

สำหรับข้อเรียกร้องนี้ เซเลนสกี บอกว่าเขาเปิดกว้างสำหรับการเจรจา “ผมกำลังพูดถึงการรับประกันความมั่นคง” เขากล่าวว่า “ทั้ง 2 เขตไม่ได้การรับรองจากใครยกเว้นแต่รัสเซีย แต่เราสามารถพูดคุยและหาทางประนีประนอมว่าดินแดนเหล่านี้จะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร”เขาย้ำว่า”สิ่งจำเป็นที่ประธานาธิบดีปูตินต้องทำคือเริ่มพูดคุยและเริ่มเจรจา” 

เขากล่าวเช่นนี้ทั้งๆที่มีการเจรจาระหว่างตัวแทนรัสเซียและยูเครนผ่านมาแล้วถึง 3 ครั้งที่เบลารุสเมืองชายแดนติดกับยูเครน และไม่มีอะไรคืบหน้านอกจากเห็นร่วมกันให้เปิดพื้นที่ปลอดการสู้รบเพื่ออพยพประชาชนหนีภัยสงคราม

ด้านสหรัฐและยุโรปผู้เป็นสปอนเซอร์หลักทั้งงบประมาณและอาวุธยุทโธปกรณ์ พร้อมทั้งกำลังรบในนาม ทหารอาสา กลับกำลังหารือเตรียมตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น ซึ่งสื่อหลายฉบับตั้งคำถามว่า แบบนี้ส่อลางแพ้หรือไม่

แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ตะวันตกบอกกับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐฯและพันธมิตรยุโรปกำลังหารือกันถึงแนวทางที่ตะวันตกจะให้การสนับสนุนรัฐบาลพลัดถิ่นที่กุมบังเหียนโดยเซเลนสกี ในกรณีที่หลบหนีออกนอกประเทศ 

ซีเอ็นเอ็นระบุว่า การหารือนั้นเป็นการพูดคุยกันในขอบเขตต่างๆ ไล่ตั้งแต่การให้การสนับสนุนเซเลนสกีและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของยูเครน ในความเป็นไปได้ที่จะต้องย้ายไปยังเมืองลวิว ทางภาคตะวันตกของยูเครน ไปจนถึงความเป็นไปได้ที่ เซเลนสกี และบรรดาผู้ช่วยของเขา จำเป็นต้องหลบหนีไปจากยูเครน และจัดตั้งรัฐบาลใหม่ในโปแลนด์

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวบอกว่าการพูดคุยครั้งนี้เป็นเพียงการหารือในเบื้องต้นและยังไม่มีการตัดสินใจใดๆ

สำหรับกระแสข่าวเรื่องการลอบสังหารปธน.ยูเครน ชงข่าวโดยหนังสือพิมพ์นิวยอร์กโพสต์ เมื่อวันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า มือสังหารเชเชนระดับมือพระกาฬ 2 ทีมถูกส่งมาเพื่อลอบสังหารประธานาธิบดียูเครนโดยเฉพาะ ถูกจัดการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และยกเป็นตวามดีความชอบของข่าวกรองจากเจ้าหน้าที่ความมั่นคงรัสเซียที่เห็นใจยูเครนยอมแอบให้ข้อมูล อ้างอิงจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงยูเครน ในขณะที่มีการปล่อยข่าว การชี้นำจากส.ส.สหรัฐให้สังหารและมีการตั้งค่าหัวล่าปธน.ปูตินในสื่อตะวันตกอย่างคึกคัก

พล็อตเรื่องแบบนี้ดูเหมือนไร้สาระแต่ล้วนแฝงเจตนาซ่อนเร้นบางอย่างของเกมปะทะรุนแรงใกล้แตกหัก ของมหาอำนาจเก่าอย่างสหรัฐและตะวันตก กับพหุมหาอำนาจใหม่ที่ท้าทายการครอบงำของตะวันตกอย่างไม่มีใครยอมใครอีกแล้ว??