อดีตทูตมะกันแฉ!!สหรัฐใช้นโยบายต่างประเทศโจมตีฝ่ายตรงข้าม ปั้นข่าวเท็จ-ถล่มแล้วดูดทรัพยากร

1373

ฮือฮามาก กับการที่คนในของสหรัฐเองเป็นผู้ออกมาแฉความเลวร้ายของฝ่ายบริหารประเทศของสหรัฐ ทั้งอดีตทูตและอดีตเจ้าหน้าที่ของCIA อาจเบื่อหน่ายและเห็นว่าถึงเวลาที่สหรัฐควรเปลี่ยนแปลงได้แล้ว เพราะใครๆเริ่มจับไต๋ได้และนับวันจะสูญเสียการยอมรับนับถือจากนานาชาติทั่วโลก แม้แต่คนอเมริกันด้วยกันเอง

วันที่ 4 ก.พ.2565 สำนักข่าวสปุ๊ตนิก รายงานว่า ไมเคิล สปริงมันน์ (Michael Springmann)อดีตนักการทูตและนักวิเคราะห์การเมืองของสหรัฐฯ กล่าวถึงนโยบายต่างประเทศของสหรัฐที่ดำเนินมาตลอด ใช้ยุทธวิธีเดิมๆคือโฆษณาปั้นเรื่องโกหกก่อน แล้วค่อยตามมาด้วยการทหารจากนั้นจึงเข้ายึดครองแหล่งทรัพยากร

อดีตนักการทูตของสหรัฐฯ กล่าวถึงการจัดการกับอิรัก อัฟกานิสถาน ซีเรีย และลิเบียของสหรัฐฯ เริ่มจากการปั้นเรื่องเท็จนำไปสู่การทำสงครามแล้วเข้ายึดครองเป็นเวลานาน ได้กลายเป็น “แนวทางปฏิบัติ” ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐมานานแล้ว

สปริงแมนน์กล่าวว่า “รัฐบาลสหรัฐฯพยายามสร้างเรื่องราวเพื่อบอกเล่าโดยไม่มีหลักฐานใดๆ อยู่เบื้องหลัง และแน่นอน ตราบใดที่คุณสามารถทำสิ่งนี้และไม่ต้องรับผิดชอบต่อผลที่เกิดขึ้น  คุณก็สามารถทำสิ่งที่คุณต้องการได้มากโดยไม่มีใครมาขัดขวาง”  “และที่สำคัญไม่มีนักข่าวคนใด ในสหรัฐอเมริกาและยุโรปถามคำถามว่าหลักฐานอยู่ที่ไหน ในอดีตสหรัฐอ้างการพิสูจน์ในอิรัก ว่าพวกเขามีอาวุธที่มีอำนาจทำลายล้างสูง แต่เวลาต่อมาก็พบว่ามันไม่มีอยู่จริง  ตอนนี้รัฐบาลสหรัฐก็กำลังทำแบบเดียวกันกับยูเครนและรัสเซีย หลักฐานอยู่ที่ไหน เอกสารอยู่ที่ไหน เราต้องการอย่างอื่นที่ไม่ใช่ความคิดเห็น และแน่นอน พวกเขาไม่เคยทำเพราะทำไม่ได้”

อดีตนักการทูตเน้นย้ำว่า “รัฐบาลเล่นการเมืองมากเกินไปและหน่วยข่าวกรองทำงานให้กับนักการเมืองมากกว่าที่จะรวบรวมข้อมูลข้อเท็จจริงและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างตรงไปตรงมา” 

สปริงแมนกล่าวอีกว่า การโหมกระพือข่าวรัสเซียบุกยูเครนถูกกำหนดบังคับโดยฝ่ายบริหารของรัฐบาลภายในการนำของปธน.โจ ไบเดน เนื่องจากพบว่าตนเองมีปัญหาร้ายแรงกับผู้มีสิทธิเลือกตั้งในสหรัฐฯ เกี่ยวกับการไร้ประสิทธิภาพในการ บริหารและนโยบายทั้งในประเทศและต่างประเทศ

นอกจากนี้สปริงแมนยังกล่าวว่าปัญหาของเดโมแครตคือ ประการแรก ตำแหน่งความนิยมของไบเดนในการเลือกตั้งลดลงอย่างมาก ประการที่สอง ประธานาธิบดีสหรัฐฯ อัดแน่นส่วนนโยบายต่างประเทศของ”พวกคลั่งสุดโต่ง” เช่นวิคตอเรีย นูแลนด์ (Victoria Nulan) รมช.ต่างประเทศด้านการเมือง และพวกสายเหยี่ยวเช่น รัฐมนตรีต่างประเทศแอนโทนี บลิงเคน (Antony Blinken)และรัฐมนตรีช่วยต่างประเทศเวนดี้ เชอร์แมน(Wendy Sherman)

ข้อสันนิษฐานล่าสุดของเจ้าหน้าที่สหรัฐทำให้เกิดความทรงจำที่สหรัฐได้นำเสนอ “ข้อมูลปลอมและการโกหกที่นำไปสู่การรุกรานอิรักในปี 2003/2546″ 

จากข้อมูลของฟิลิป จิราลดิ(Philip Giraldi) อดีตหัวหน้าสำนักงาน CIA และเจ้าหน้าที่ข่าวกรองทางทหารได้ตั้งข้อสังเกตุว่าการดำเนินการปั้นข่าวเท็จประเด็นรัสเซีย-ยูเครนนั้นไม่สมเหตุสมผล เนื่องจากแม้แต่ประธานาธิบดีเซเลนสกี้ (Zelensky) ของยูเครนก็ยังยอมรับว่ารัสเซียไม่ได้วางแผนที่จะโจมตียูเครน

เจ้าหน้าที่ข่าวกรองของซีไอเอกล่าวว่า“โจ ไบเดนและ แอนโทนี บลิงเคนกำลังพยายามไล่บี้รัสเซียเพื่อสร้างการสนับสนุนจากบรรดานักวิจารณ์ของพวกเขา และน่าเสียดายที่พวกเขามีพรรครีพับลิกันที่เต็มใจจะร่วมแสดงตลกระดับโลก เพราะพวกเขาชอบแสดงความแกร่งเกินจริงเสมอ” 

เขาตั้งคำถามว่า“ทำไมรัสเซียถึงต้องการเข้าครอบครองและต้องการบริหารประเทศที่ยากจนที่สุดในยุโรปและเต็มไปด้วยการทุจริต คำกล่าวอ้างว่ารัสเซียได้เตรียมวิดีโอเท็จ แสดงให้เห็นการโจมตีที่ดอนบาสโดยทหารยูเครนเป็นเรื่องน่าขำ ไม่ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างจริงจัง”

ก่อนหน้านี้แมตต์ ลี นักข่าวจาก Associated Press ได้เผชิญหน้ากับเน็ต ไพรซ์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ที่เผยแพร่ข่าวโฆษณาชวนเชื่อว่ารัสเซียเตรียมเผยแพร่วีดีโอปลอมแก่สื่อ โดยที่ไม่มีหลักฐานสนับสนุนใดๆ ไพรซ์ยืนยันว่าเรื่องราวเกี่ยวกับวิดีโอปลอมของรัสเซีย ได้มาจากข้อมูลข่าวกรองที่ทางการได้จัดประเภทเป็นความลับแล้วแต่ไม่สามารถให้หลักฐานหรือรายละเอียดใดๆได้ โดยอ้างจากแหล่งข่าวที่ไม่ระบุที่มา

สอดคล้องกับฟิลิป จิรัลดี อดีตเจ้าหน้าที่ข่าวกรองทางทหารกล่าวว่า“ผมคิดว่าสหรัฐฯ ไม่มีข่าวกรองที่ยืนยันสิ่งที่พวกเขาอ้างอย่างแท้จริง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ,เน็ด ไพรซ์ ผู้อ้างว่านำความความลับมาเปิดเผย ไม่สามารถตอบคำถามที่สมเหตุสมผลจากนักข่าว และถึงขนาดกล่าวหาว่านักข่าวคนนั้นเป็นฝ่ายนิยมรัสเซีย  สหรัฐก้าวมาถึงจุดที่เราไม่สามารถเชื่อถือ อะไรก็ตามที่รัฐบาลอ้างว่าเป็นความจริงได้อีกแล้ว เป็นเรื่องน่าเศร้า ”