ได้ดี เพราะมีครูดี! เผยเรื่องราวประทับใจ “บัณฑิตผู้พิการ” ศิษย์อ.อัศวิณีย์ มือปราบแก๊งสามนิ้วมช.!

2506

ได้ดี เพราะมีครูดี! เผยเรื่องราวประทับใจ “บัณฑิตผู้พิการ” ศิษย์อ.อัศวิณี มือปราบแก๊งสามนิ้วมช.!

จากกรณีที่วันนี้ (14 มกราคม 2565) จะมีพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ประจำปีการศึกษา 2562-2563 ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่⁣⁣⁣⁣ ซึ่งในสังคมออนไลน์ได้มีการแชร์ภา บรรยากาศบริเวณหน้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่มีบัณฑิตจำนวนมาก กำลังเดินเข้ามหาวิทยาลัย ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้มีประเด็นของการต่อต้านไม่รับปริญญาของคนบางกลุ่ม ซึ่งมีการพูดถึงเป็นจำนวนมาก

ในขณะที่ทางด้านของ พิมรี่พาย ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีของผู้พิการทางร่างกายที่มีพรสวรรค์ทางศิลปะ ที่ได้เข้าร่วมรับพระราชทานปริญญาบัตรที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในครั้งนี้ด้วย โดยระบุว่า ไชโย!!น้องโซคูล เรียนจบป.โทแล้ว!!! ที่มา: น้องโซคูล ผู้พิการทางร่างกายที่มีพรสวรรค์ทางศิลปะ น้องมีความใฝ่ฝันอยากเรียน ป.เอก จึงเขียนจดหมายมาขอทุนการศึกษาจาก พี่พิมรี่พาย จากนั้นพิมรี่พายก็จัดให้! เวลาผ่านไป 1ปี…. เช้าวันนี้ทีมงานพิมรี่พายได้รับข่าวดีจากน้องโซคูล ส่งข้อความมาว่า

“ตอนนี้น้องคูลเรียนจบป.โทแล้วกำลังจะเข้ารับการศึกษาชั้นปริญญาเอก โดยมีทุนการศึกษาจากพี่พิมรี่พายในการเรียนครั้งนี้ ขอบคุณที่ให้โอกาสผมได้เรียน ถ้าไม่มีทุนค่าอุปกรณ์ตรงส่วนนี้ ผมก็ไม่รู้ว่าจะหาทุนมาจากไหน เพราะทุนที่เรียนค่อนข้างที่จะต้องใช้เยอะมาก และใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ขอบคุณที่ให้โอกาส แล้วผมเชื่อว่าต่อไปในอนาคตผมจะต้องสร้างโอกาสให้กับคนอื่นๆได้มีโอกาสเหมือนกับผมที่จะได้เรียนหนังสือแบบนี้ได้อีกแน่นอนครับ เพราะฉะนั้นผมจะตั้งใจเรียนป.เอกให้จบ เพื่อจะได้ช่วยเหลือสังคมต่อไปเหมือนที่พี่ทำอยู่ครับ”

บัดนี้ นายพรหมพัฒน์ โชติสิรดานันท์ รับปริญญา มหาบัณฑิต (ปริญญาโท) ครั้งที่ 55 ปีการศึกษา 2562 สาขาทัศนศิลป์ คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ไปกันต่อเว้ยพวกเรา!!!

นอกจากนี้ ในสังคมออนไลน์ยังมีการแชร์ภาพสุดปลื้มปีติ เมื่อสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระดำเนินลงจากเวที พระราชทานปริญญาบัณฑิตแก่คนพิการ

ล่าสุด ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)  ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าว โดยระบุว่า

ผมจำไม่น่าจะผิด น้องคนนี้คือน้องโซคูล ไม่มีมือ เดินก็ไม่ได้ ใช้ปากวาดรูป มีความอดทน มานะพยายาม มีทัศนคติที่ดีมาก เรียนคณะวิจิตรศิลป์ มช เป็นลูกศิษย์ของ ครูป้อม รศ. Asawinee Wanjing ครับ กำลังเรียนปริญญาเอกที่คณะวิจิตรศิลป์ เข้ารับพระราชทานปริญญาโทครับ และได้รับพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นจากกรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี ขอพระองค์ทรงพระเจริญ

และยังได้โพสต์ข้อความต่ออีกว่า รศ.อัศวิณี หวานจริง คณบดีคณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หรือ อาจารย์ป้อม ได้คุยกับผม พูดถึงน้องโซคูล ที่เพิ่งเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรระดับปริญญาโทจากกรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ซึ่งน้องโซคูลได้รับพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น อ. ป้อม พูดถึงน้องโซคูลไว้อย่างนี้ครับ

ป้อมเคยจัดอบรมจริยธรรมนศ.โดยให้นศ.ได้ไปสอนศิลปะ พูดคุยแลกเปลี่ยนกับพี่ๆและน้องๆ คนพิการตั้งแต่ปี 2547 เจอโซคูลตั้งแต่อยู่ ป.4 เค้าเอาปากคาบกระดาษมาให้ป้อม บอก อ.แม่ ผมอยากเรียนศิลปะ (น้องมือและเท้าใช้งานไม่ได้ค่ะ บกพร่องทางร่างกาย แต่มีความคิดดี) ภาพนั้น ป้อมจำได้ค่ะว่า เป็นภาพ เค้าใช้ปาก ดรออิ้ง ภาพ ในหลวง รัชกาลที่ 9
อย่างไรก็ตาม ก็ทำหลายคนเข้ามาชื่นชมเป็นจำนวนมาก ในทำนองที่ว่า คนที่พิการทางร่างกาย ยังมีจิตสำนึกและยังมีความคิดที่ดี ต่างจากพวกเด็กที่พยายามที่จะต่อต้านสถาบัน เหมือนกับกลุ่มคนจำนวนน้อยที่มาป่วนภายในงานรับพระราชทานปริญญาบัตร
ซึ่งหนึ่งในนักกิจกรรมที่เข้ามาป่วนเมื่อวานนี้ จากการตรวจสอบของทีมข่าวเดอะทรูธพบว่า ชื่อนายยศสุนทร รัตตประดิษฐ์ หรือเท็น เป็นนักศึกษาคณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) เจ้าของผลงานศิลปะที่เกือบถูกอุ้มหาย เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ทัศนัย เศรษฐเสรี ที่เคยตกเป็นประเด็น กรณีที่กลุ่มอาจารย์คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นำโดยรศ.อัศวิณี หวานจริง คณบดีคณะวิจิตรศิลป์ และรองคณบดี พร้อมกับเจ้าหน้าที่จากหอศิลป์ เอารถกระบะมาเก็บผลงานนักศึกษา ซึ่งมีการตรวจพบ ธงชาติไทยที่เอาสีน้ำเงินออก พร้อมข้อความด่า ที่เคยใช้ในม็อบต่อต้าน 112  ปะปนอยู่กับงานศิลปะนักศึกษา ซึ่งจนทำให้ ผศ.ทัศนัย เศรษฐเสรี อาจารย์จากคณะเดียวกัน ออกโรงปะทะแทนลูกศิษย์ จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมาก

หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เมื่อวันที่ 8 เม.ย. ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เผยแพร่จดหมายของ รศ.อัศวิณีย์ ที่ได้เขียนด้วยลายมือของตัวเอง ส่งถึง พล.ต.ดร.อนุชาติ บุนนาค ลงวันที่ 1 เม.ย. 2564 ระบุเนื้อหาว่า ขอกราบขอบพระคุณ พล.ต.ดร.อนุชาติ บุนนาค เป็นอย่างสูงค่ะ ที่ท่านได้กรุณาส่ง จม. ให้กำลังใจมาให้ ณ โอกาสนี้ รวมทั้งกำลังใจมากมายจากภายนอกที่ส่งเข้ามาช่วยชีวิตไว้ ในยามที่หลายคนก็ลำบากไม่อยากจะเดือดร้อน ใน จม. ฉบับนี้ ดิฉันขอเลือกที่จะเขียนเป็นตัวหนังสือ ซึ่งเป็นศิลปะอย่างหนึ่งจากความจริงใจ ที่จะขอถ่ายทอดความคิดความรู้สึกจากใจผ่านปลายปากกา ด้วยน้ำหมึกแทนน้ำใจลงบนกระดาษ เพราะเหนื่อยหน่ายต่อกระแสสังคมที่วิ่งเร็วจนสมอง สติ และจิต ตามไม่ทัน จากอุปกรณ์สื่อเทคโนโลยีที่สร้างขึ้นจากน้ำมือมนุษย์เอง แต่ย้อนกลับมาฆ่า “ความเป็นมนุษย์” ทำให้ “คุณค่าความเป็นมนุษย์” ตกต่ำลง มนุษย์ตกเป็นเครื่องมือของวัตถุสื่อสารต่างๆ ที่นับวันจะยิ่งทำลายทำร้ายจิตใจมนุษย์เอง

กราบขอบพระคุณในกำลังใจและน้ำใจไมตรีที่ท่านมีให้ ในความรักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ด้วยหัวใจ น้ำใจเหล่านี้เป็นเสมือนน้ำทิพย์ชโลมใจ ที่ทำให้จิตใจเข้มแข็งยิ่งขึ้น ทำให้เกิดพลัง ในการที่จะมุ่งมั่นทำความดีต่อไป เปรียบเสมือนไม้ที่กลายเป็นเป็นหินนับวันยิ่งแกร่งต่อสภาพแวดล้อมรอบข้าง

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ดิฉันได้คิดไตร่ตรองแล้วในการกระทำที่ต้องรับผิดชอบทั้งหมดในสิ่งที่เกิดขึ้น ในฐานะของหัวหน้าส่วนงาน ที่จะต้องตรวจตราไม่ให้มีการกระทำหรือมีสิ่งผิดกฎหมายในพื้นที่ที่ดูแล บนหนทางของความเป็นครู “ครูคือผู้ให้” ครูไม่เคยเห็นศิษย์เป็น “ศัตรู” มีแต่เอ็นดูเหมือนลูก ทุกคนบนแผ่นดินไทยล้วนแต่เป็นพี่น้องร่วมสายโลหิตในแผ่นดินบ้านเกิดเดียวกัน

วันนี้…อยากเห็นประเทศชาติสงบสุขร่มเย็น ไม่อยากเห็นความแตกแยก เพียงทุกคนพยายามรับผิดชอบ ทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด อยู่ภายใต้ระเบียบกฎหมายแห่งรัฐธรรมนูญเดียวกันของแผ่นดินไทย…จงอย่าถามหรือเรียกร้องว่า “สังคมให้อะไร” แต่จงถามตัวเองก่อนว่า “เราได้ทำประโยชน์อะไรให้สังคมบ้างแล้วหรือยัง”

สุดท้ายนี้ ดิฉันขอสัญญาว่า จะรับผิดชอบทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของสังคม โดยจะยึดมั่นในอุดมการณ์เพื่อสถาบันชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ไปจนตราบชั่วชีวิต…