คนไทยขอบ้าง! ให้ “ทักษิณ” กลับมาติดคุก เป็นของขวัญปีใหม่ พร้อมจ่ายเงินโกงชาติคืนแผ่นดิน?

1269

คนไทยขอบ้าง! ให้ “ทักษิณ” กลับมาติดคุก เป็นของขวัญปีใหม่ พร้อมจ่ายเงินโกงชาติคืนแผ่นดิน?

จากกรณีที่เมื่อวานนี้ (4 มกราคม 2565) นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และผู้ต้องหาหนีคดี ซึ่งมีอีกชื่อว่า “โทนี วู้ดซัม” ได้ร่วมพูดคุยในห้อง CARE Talk x CARE ClubHouse ซึ่งมีหัวข้อว่า “ถอดบทเรียนสึนามิเพื่อกู้วิกฤติโควิด ประเทศจะรอดผู้นำต้องฉลาดจริงไหม?” ซึ่งในเนื้อหาบางช่วงบางตอนที่น่าสนใจนั่นก็คือ การที่ นายทักษิณ ประกาศอย่างมั่นใจว่า ในปี 65 จะกลับประเทศไทย พร้อมทำงานให้คนไทย

แต่ก็ยังไม่ได้มีการบอกกล่าวว่าจะมามาเมื่อไหร่ ก็น่าสนใจว่า ทักษิณ เอาอะไรมามั่นใจว่าจะได้กลับประเทศไทย อีกครั้ง เพราะหากจะเกิดขึ้นได้นั้น จำเป็นที่จะต้องมีการออกกฎหมายนิรโทษกรรม ซึ่งก็เชื่อมั่นได้ทางด้านของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี จะไม่ออกให้อยู่แล้วแน่นอน

ต่อมาทางด้าน น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อดีตผู้สมัครส.ส.กทม.เขตจอมทอง-ธนบุรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อวยพรปีใหม่คนไทยให้ตนเองได้กลับบ้านมาช่วยงาน โดยยืนยันจะกลับมาอย่างสันติว่า การเคลื่อนไหวของนายทักษิณน่าจะเป็นเพียงการกลบกระแสข่าวที่ท่านกำลังถูกร้องเรียนเรื่องของการครอบงำพรรคการเมืองมากกว่า

การที่ออกมาระบุเช่นนี้จะทำให้เป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และไม่ใช่หนทางที่จะนำไปสู่ความสันติของประเทศ เป็นคำอวยพรประชาชนที่หวังประโยชน์ในทางการเมือง มากกว่าประโยชน์ของพี่น้องประชาชน ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว การนิ่งสงบของท่านจะช่วยให้ประเทศสันติมากกว่า หรือหากท่านจะมอบของปีใหม่ก็รีบกลับมาเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย เป็นของขวัญให้คนไทย ซึ่งตรงนี้จะทำให้ท่านกลับมาไทยได้ไวที่สุด มิใช่หนีเร่ร่อนอยู่เช่นนี้

“มุกเดิมที่ท่านมักใช้คือ ไม่ได้กลับไทยเพราะมีคนกลัวท่าน ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ไม่มีใครกลัวคุณทักษิณจะกลับบ้าน แต่คุณทักษิณเองต่างหากที่กลัวเอง หนีไปเอง เพราะหากกลับมาแล้วต้องรับผิดติดคุกจากคดีความต่างๆ ที่นอกจากคดีที่ดินรัชดาที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินลงโทษจำคุกเป็นเวลา 2 ปีแล้ว ยังมีคดีอื่นๆ อีก ทั้งคดีทุจริตโครงการหวยบนดินที่ถูกตัดสินลงโทษจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญาเช่นกัน คดีให้ธนาคารเอ็กซิมแบงก์ปล่อยกู้เงินแก่เมียนมา 4 พันล้านบาท ถูกตัดสินลงโทษจำคุก 3 ปี ไม่รอลงอาญา คดีให้นอมินีถือหุ้นชินคอร์ปฯ เข้าไปมีส่วนได้ส่วนเสียในกิจการโทรคมนาคม ศาลตัดสินจำคุก 5 ปี และยังมีคดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของป.ป.ช.อีก ทั้งคดีระบายข้าวจีทูจี และคดีสั่งซื้อเครื่องบินบริษัทการบินไทยไม่คุ้มค่าทำให้การบินไทยมีหนี้สินเพิ่มขึ้นอีก” น.ส.ทิพานัน กล่าว

ส่วนกรณีที่นายทักษิณอ้างว่าจะกลับประเทศมาตีกอล์ฟกับพล.อ.ประยุทธ์ ส่วนจะเป็นเมื่อไหร่ช่วงไหนจะกระซิบบอกน.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรือ “อุ๊งอิ๊ง” บุตรสาวคนเล็ก ว่า ตนเป็นห่วงว่าการพูดเช่นนี้ของท่าน จะส่งผลกระทบต่อ น.ส.แพทองธาร ซึ่งมีตำแหน่งเป็นประธานที่ปรึกษาพรรคด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมพรรคเพื่อไทย จะมัวหมอง ถูกครหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการนำบุคคลที่ต้องโทษหลบหนีคดีหนีโทษ เนื่องจากน.ส.แพทองธาร ถูกสังคมจับจ้องมาตลอด

การที่คุณทักษิณออกมาโยนเรื่องวันกลับบ้านให้กับน.ส.แพทองธารอีก จะเป็นการสร้างตราบาปให้กับน.ส.แพทองธารรอบสองหรือไม่ ดังบทเรียนในสมัยที่คุณทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธารก็ถูกกล่าวหาเรื่องโกงข้อสอบที่ย้อนกลับมาเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์กันจนถึงทุกวันนี้ ดังนั้นควรปล่อยให้น.ส.แพทองธารดำเนินไปตามครรลองการเมืองของตนเอง มากกว่าที่ท่านจะมาชี้นำให้สังคมพุ่งเป้าไปที่น.ส.แพทองธารเช่นนี้ ที่จะเป็นภัยและตราบาปที่ไม่สามารถลบได้ต่อบุตรสาวของตัวท่านเองอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ย้อนไปถึงผลการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ ที่ได้พิจาณาอุทธรณ์ของ นายทักษิณ ชินวัตร ฉบับลงวันที่ 25 เมษายน 2560 เกี่ยวกับ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปีภาษี2549 โดยคำวินิจฉัย ระบุว่า ให้ยกอุทธรณ์ซึ่งคัดค้านการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินตามแบบ ภงด.12-03025250-25600328-001-00005 ลงวันที่ 28 มีนาคม 2560 เป็นเงินทั้งสิ้น 17,629,585,191.00 (หนึ่งหมื่นเจ็ดพันหกร้อยยี่สิบเก้าล้านห้าแสนแปดหมื่นห้าพันหนึ่งร้อยเก้าสิบเอ็ดบาทถ้วน) ให้ผู้อุทธรณ์นำเงิน ภาษีเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม ไปชำระ ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาบางพลัด กรุงเทพมหานครเป็นเงิน 17,629,585,191.00 บาท 00 สตางค์ (หนึ่งหมื่นเจ็ดพันหกร้อยยี่สิบเก้าล้านห้าแสนแปดหมื่นห้าพันหนึ่งร้อยเก้าสิบเอ็ดบาทถ้วน) ภายใน30วัน นับแต่วันได้รับคำวินิจฉัยอุทธรณ์นี้ พร้อมทั้งเงินเพิ่มตามกฎหมาย โดยคำวินิจฉัยอุทธรณ์นี้ทำไว้สองฉบับ เก็บไว้ที่คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์หนึ่งฉบับ ส่งให้ผู้อุทธรณ์หนึ่งฉบับ ลงวันที่ 1 กันยายน 2563

ที่น่าสนใจ ประเด็น8.3 ผู้อุทธรณ์กล่าวอ้างว่า หนังสือแจ้งการประเมินดังกล่าไม่มีข้อเท็จจริง ผู้อุทธรณ์และคุณหญิงพจมานฯ ยังคงถือหุ้นชินคอร์ป ฯลฯ ในเวลานั้น พิจารณาในประเด็นดังกล่าวไว้แล้วข้างต้น ประกอบกับได้พิจารณาตามประเด็นที่1 และประเด็นที่2 จึงไม่พิจารณาในประเด็นนี้อีก

ข้อ9 ผู้อุทธรณ์กล่าวอ้างว่า หนังสือแจ้งภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา(ภ.ง.ด.12) ลงวันที่28มีนาคม 2560 ไม่มีการระบุเลขที่ใบแจ้งภาษีอากร ทำให้การยื่นอุทธรณ์คัดค้านการประเมินภาษี ไม่สามารถระบุเลขที่ใบแจ้งภาษีอากร ในแบบคำอุทธรณ์(ภ.ส.6) ได้ครบถ้วนถูกต้อง หนังสือแจ้งภาษีฯดังกล่าว ไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น  พิจารณาแล้วเห็นว่าในคำอุทธรณ์ ผู้อุทธรณ์ได้มีการระบุเลขที่หนังสือแจ้งภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาไว้ถูกต้องครบถ้วนแล้ว จึงไม่มีประเด็นต้องพิจารณา

ข้อ10 ผู้อุทธรณ์กล่าวอ้างว่า การประเมินภาษีผู้อุทธรณ์เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายระเบียบ การจัดเก็บภาษีไม่เป็นไปตามบทบัญญัติประมวลรัษฎากรและไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรม พิจารณาแล้วเห็นว่า การประเมินภาษีผู้อุทธรณ์ เป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมายระเบียบ เป็นไปตามบทบัญญัติประมวลรัษฎากรและเป็นธรรมแล้ว ข้อกล่าวอ้างของผู้อุทธรณ์ฟังไม่ขึ้น

กรณีข้อเท็จจริงที่ผู้อุทธรณ์กล่าวอ้างเพิ่มเติมได้พิจารณาในประเด็นดังกล่าวไว้แล้วตามประเด็นที่1 ถึงประเด็นที่3 จึงไม่พิจารณาประเด็นดังกล่าวอีก สรุปการประเมินภาษีชอบด้วยกฎหมายแล้ว จึงมีมติให้ยกอุทธรณ์เสียทั้งสิ้น

ในคำวินิจฉัยยังระบุอีกว่า ประเด็นของดหรือลดเบี้ยปรับตามมาตรา22 แห่งประมวลรัษฎากร พิจารณาแล้วเห็นว่า ตามพฤติการณ์ผู้อุทธรณ์เป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์จากการซื้อขายหุ้นชินคอร์ปที่แท้จริงที่ต้องเสียภาษีอากร แต่ให้นายพานทองแท้ฯ และนางสาวพินทองทาฯ เป็นตัวแทนเชิดในการซื้อหุ้นชินคอร์ปจากแอมเพิลริชฯ นอกตลาดหลักทรัพย์ฯ ในราคาต่ำกว่าราคาตลาด จึงมีเจตนาไม่สุจริตเพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงภาษีอากรและทำให้รัฐเสียประโยชน์ จึงไม่งดหรือลดเบี้ยปรับ ประเด็นของดหรือลดเงินเพิ่มตามมาตรา27 แห่งประมวลรัษฎากร สำหรับเงินเพิ่มตามมาตรา27 แห่งประมวลรัษฎากรนั้น ไม่มีบทบัญญัติใดที่ให้อำนาจงดหรือลดเงินเพิ่มได้ จึงไม่งดหรือลดเงินเพิ่ม