สามนิ้วเงิบ! มติฝ่ายค้าน ลอยแพ “ก้าวไกล”ไม่แก้ม.112 ขณะพท.พลิกลิ้นตามนายใหญ่?

1701

สามนิ้วเงิบ! มติฝ่ายค้าน ลอยแพ “ก้าวไกล”ไม่แก้ม.112 ขณะพท.พลิกลิ้นตามนายใหญ่?

จากกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณีมาตรา 112 ว่า ตัวกฎหมายไม่เคยมีปัญหา พร้อมกับทิ้งท้ายว่า ขอให้ทั้ง 2 ฝ่ายหยุดดราม่า หายใจยาวๆ มาเริ่มต้นใหม่ตามที่ผมแนะนำเบื้องต้น เพื่อความรัก เพื่อการถวายความจงรักภักดีที่ถูกต้อง ถูกทาง ไม่ให้เจ้านายต้องถูกครหาโดยที่ไม่รู้

ล่าสุดวันนี้ (3 พฤศจิกายน 2564) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมตัวแทนพรรคร่วมฝ่ายค้าน แถลงผลการประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้านว่า เรายึดเจตนารมณ์ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ โดยยึดประโยชน์สูงสุดของประเทศ และประชาชนเป็นหลัก ไม่ได้มุ่งที่จะล้มรัฐบาล แต่สิ่งไหนที่รัฐบาลทำแล้วไม่ได้เป็นประโยชน์กับประชาชน จะดำเนินการตรวจสอบอย่างเข้มข้น คำนึงถึงสถานการณ์บ้านเมืองเป็นหลัก

ขณะนี้พรรคร่วมฝ่ายค้านมองว่า รัฐบาลกำลังเผชิญวิกฤติด้านเศรษฐกิจ วิกฤติสาธารณสุข วิกฤตศรัทธาการเมือง การละเมิดสิทธิ และเสรีภาพ รวมถึงวิกฤติด้านเสถียรภาพรัฐบาล ที่ไม่มีความมั่นคง การทำงานช่วงนี้ น่าจะเป็นช่วงใกล้หมดอายุรัฐบาล ขณะที่การทำงานของพรรคร่วมฝ่ายค้าน จะทำงานภาพใหญ่ 3 ระดับ คือ 1.ระดับที่ประชุมหัวหน้าพรรคร่วมฝ่ายค้าน จะกำหนดยุทธศาสตร์ทิศทางทุกมิติ 2.พรรคร่วมฝ่ายค้าน มีคณะกรรมการประสานในสภา ทำหน้าที่เป็นผู้ขับเคลื่อนตรวจสอบตามกลไกรัฐสภา และ 3.คณะกรรมการประสานงานนอกสภา ทั้งนี้ พรรคร่วมฝ่ายค้านจะเพิ่มความเข้มข้นการเข้าหาพี่น้องประชาชนเพื่อรับฟังปัญหาที่แท้จริง

นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า พรรคร่วมค้านมีมติเห็นชอบร่วมกันว่าจะเอาปัญหาประชาชนเป็นตัวตั้ง โดยจะรับเรื่องเข้าสู่การแก้ปัญหาในสภา ซึ่งเชื่อว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด เราจะเป็นผู้อาสารับเรื่องทั้งทางตรง ทางอ้อม ให้เป็นไปตามกลไกรัฐสภา ไม่ว่าจะเป็นการตั้งกระทู้ การเสนอญัตติในที่ประชุมสภา ส่วนวิธีการแก้ไขระบบรัฐสภาจะใช้เสียงข้างมาก ส่วนเรื่องที่พรรคร่วมฝ่ายค้านจะนำเสนอในสมัยประชุมนี้ คือ การอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 เพื่อนำเสนอข้อเท็จจริงที่เป็นปัญหาต่อประชาชน โดยจะทำให้เร็วที่สุด และจะเสนอญัตติในนามพรรคร่วมฝ่ายค้านอย่างมีเอกภาพ

เมื่อถามถึงความเป็นเอกภาพของพรรคร่วมฝ่ายค้านในการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา112 นพ.ชลน่าน กล่าวว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านพูดคุยกันชัดเจน ข้อสรุปเห็นพ้องกันว่า การบังคับใช้กฎหมายที่ลิดรอนสิทธิเสรีภาพ ทำให้เกิดนักโทษทางความคิดจากความเห็นต่าง พรรคร่วมฝ่ายค้าน ไม่อยากให้มีกรณีเช่นนี้เกิดขึ้น หากเกิดขึ้น เขาต้องได้รับการดูแลช่วยเหลือ ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติ จะใช้เวทีสภาแก้ปัญหา จะรับทุกความเห็นเข้าสู่สภา ส่วนจะแก้อย่างไรขึ้นอยู่กับประเด็นที่รับมา และกลไกของรัฐสภาที่จะดำเนินการ ส่วนจะมีการยกร่างนำเสนอเองหรือไม่นั้น ตรงนี้พรรคร่วมฝ่ายค้านจะไม่ดำเนินการในส่วนนี้ แต่สมาชิกท่านใดจะเสนอก็เป็นสิทธิเสรีภาพตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ นอกจากจะเน้นเวทีรัฐสภาเพื่อแก้ปัญหา เราจะไม่ปล่อยให้เกิดการแตกแยกแล้วไปแก้ปัญหานอกสภา คือสิ่งที่เราเป็นห่วงว่า หากปล่อยให้ปะทะกัน การแก้ปัญหานอกระบบ นอกสภาจะเกิดขึ้น ตรงนี้เราต้องป้องกัน เรียกร้องพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาล หยุดเอาเรื่องนี้มาเป็นประเด็นทางการเมืองในการที่จะกล่าวหา หรือใส่ร้ายพวกเราฝ่ายประชาธิปไตย เพียงเพื่อจะกลบเกลื่อนปิดบังในสิ่งที่รัฐบาลประสบปัญหาอยู่ การที่ท่านทำแบบนี้จะทำให้เกิดความแตกแยกขัดแย้ง

“พรรคเพื่อไทยจะไม่เป็นตัวตั้งตัวตีในการล่าชื่อหรือผลักดันแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 แต่จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางประสานงานนำปัญหาเข้ามาคุยในสภาเท่านั้น แต่ก็ไม่ตัดสิทธิว่าพรรคไหนหรือสมาชิกท่านใดจะนำเสนอขอแก้ไข เพราะไม่อยากให้นำปัญหาไปแก้กันบนถนนนอกสภา” นพ.ชลน่าน กล่าว

เมื่อถามว่า การที่พรรคเพื่อไทยหยิบยกประเด็นการแก้ไขมาตรา 112 เพื่อเรียกเรตติ้งจากคนรุ่นใหม่หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยขอให้ฝ่ายการเมืองระมัดระวัง อย่าได้ใช้กฎหมายที่หมิ่นเหม่เป็นเครื่องมือทางการเมือง เพราะเป็นสิ่งที่อันตราย จะทำให้กฎหมายบิดเบี้ยวขาดความศักดิ์สิทธิ์ กฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองสถาบัน ถ้าใช้อย่างพร่ำเพรื่อจะส่งผลกระทบทั้ง 2 ด้าน

ในขณะที่ทางด้าน นายชัยธวัช ตุลาธน  เลขาธิการพรรคก้าวไกล แถลงจุดยืนต่อประเด็นการเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา112 รวมถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้องว่า พรรคก้าวไกลเคยเสนอแก้ไข5ร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องไปแล้วเมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา แต่ปรากฎว่าขณะนี้มีแค่ร่างกฎหมาย4ฉบับที่เข้าสู่กระบวนการรรับฟังความคิดเห็นเพื่อรอบรรจุเข้าสู่วาระ

ส่วนร่างแก้ไขมาตรา112กลับถูกโต้แย้งจากสำนักการประชุม สภาฯว่ามีบทบัญญัตติที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา6 ที่ระบุว่า “องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ ผู้ใดจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใดๆ มิได้” กรณีนี้พรรคได้เคยได้ทำหนังสือโต้แย้งไปแล้ว ว่าเนื้อหาดังกล่าวไม่ได้ขัดแย้งต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ

ฉะนั้นวันนี้เราจะยื่นหนังสือถึงสำนักเลขาธิการสภาฯอีกครั้งเพื่อยืนยันว่าตามรัฐธรรมนูญภายใต้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยร่างแก้ไขมาตรา112ของพรรคไม่มีเนื้อหาขัดหรือแย้งในมาตรา6และขอให้ประธานสภาฯเร่งบรรจุร่างเข้าสู่วาระการประชุมโดยเร็ว หากข้อความมีปัญหาในหรือขัดต่อกฎหมายกฎหมายประการใดย่อมเป็นหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภาที่จะเป็นผู้พิจารณา

นายชัยธวัช ยังกล่าวต่อว่า ถึงเวลาแล้วที่ผู้มีอำนาจต้องคืนสิทธิในการประกันตัวให้แก่ผู้ต้องหาคดี ม.112 และใช้กลไกทางการเมืองในการยุติคดีการเมืองต่างๆ ไม่ควรมีใครต้องอยู่ในคุกเพราะการแสดงออกทางการเมือง ในที่สุดหากต้องนิรโทษกรรมคดีการเมืองเพื่อคลี่คลายความขัดแย้งในสังคมก็จำเป็นต้องทำ พรรคก้าวไกลหวังว่าหากร่างกฎหมายฉบับนี้ถูกเสนอเข้าสู่สภาฯจะได้รับการสนับสนุนจากพรรคการเมือง ยอมรับว่าการเสนอร่างดังกล่าวเข้าสู่สภาเป็นเพราะสถานการณ์ทางการเมืองนอกสภาฯ โดยเห็นว่าในฐานะส.ส.ไม่สามารถงดเว้นไม่สนใจในเรื่องนี้ได้ หากเรื่องนี้ไม่ได้รับการแก้ไขสุดท้ายจะนำไปสู่ความไม่พอใจเรื่อยๆสุดท้ายจะนำไปสู่การยกเลิกในอนาคต วันนี้เราหวังว่าการใช้เวทีสภาจะเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น

ขณะที่นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ในฐานะวิปฝ่ายค้าน เปิดเผยว่า ผลประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้านล่าสุดยังไม่มีพรรคใดที่แสดงจุดยืนการแก้ไขในเรื่องดังกล่าวหรือแสดงความเห็นใกล้เคียงกับสิ่งที่พรรคดำเนินการ ทั้งนี้ที่ประชุมเห็นว่าจะใช้กลไกสภาในการรับเรื่องร้องเรียนดังกล่าวเพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาต่อสภาต่อไป