หลังจากที่เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศให้ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า และนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี ลงวันที่ 8 ก.ย. นั้น ขณะที่ร.อ.ธรรมนัส อดีตรมช.เกษตรฯ ชิงเปิดแถลงข่าวก่อนว่าได้ลาออกจากตำแหน่งแล้ว
และต่อมาทางด้านพลเอกประยุทธ์ ได้ตอบถึงเรื่องนี้ ระบุว่า เขาก็เคยพูดไว้อยู่แล้วไม่ใช่หรอร.อ.ธรรมนัส ว่าไม่ได้เป็นรัฐมนตรีก็ออกไปเป็นส.ส ก็สามารถช่วยประชาชนได้ ซึ่งที่ผ่านมาก็ช่วยงานกันมาโดยตลอด เดี๋ยวคงเป็นเรื่องของพรรคที่จะไปหารือกันว่าจะทำอย่างไร แต่ยืนยันว่างานทุกงานไม่มีหยุดยั้ง มีคนทำงานให้อยู่แล้ว และยังไม่ปรับครม.ในเร็ว ๆ นี้
ล่าสุดทางด้านนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ในฐานะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า หลังจากที่นายธรรมนัส พรหมเผ่า ออกจากรัฐมนตรีช่วยเกษตรและสหกรณ์ และนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ออกจากรัฐมนตรีช่วยแรงงาน ว่าจะต้องมีการปรับโครงสร้างพรรคใหม่หรือไม่ ว่าคือเรื่องการเมืองปล่อยให้ผู้ใหญ่ ตัดสินใจเพราะว่าเราเป็นแค่สมาชิก เราก็ถือว่าเป็นนักการเมืองอยู่แล้ว ทุกคนทำงานเพื่อประเทศชาติบ้านเมือง อยู่ตรงไหนเราก็ทำงานเพื่อประเทศชาติให้มีประสิทธิภาพประสิทธิผล
ส่วนที่นายธรรมนัสให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อลาออกจากรัฐมนตรีช่วยแล้ว อาจจะลาออกจากความเป็นเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐด้วยนั้น นายสุชาติ ระบุว่า ไม่สามารถไปคิดแทนได้ แค่ทางการเมืองมองว่าทุกคนมีพื้นที่ ทุกคนมาจากเสียงของประชาชนทุกคน รู้อยู่แล้วว่ามาเพื่อทำงานมาอยู่พรรคพลังประชารัฐ
มาเพราะพรรคพลังประชารัฐเสนอพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี และมีหัวหน้าพรรค คือ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งทั้งสองท่านถือเป็นศูนย์รวมของจิตใจของส.ส.และสมาชิกอยู่แล้วไม่มีประเด็นอะไร ส่วนการทำงานในภาพรวมของพรรค ก็ต้องมีการหารือกันไม่มีอะไร ทั้งนี้ไม่สามารถคิดข้ามช็อตในการปรับโครงสร้างกรรมการบริหารพรรคได้ เนื่องจากส่วนตัวเป็นแค่กรรมการบริหารพรรคมีแค่ 1 เสียงต้องให้หัวหน้าพรรคสมาชิกและส.ส.เป็นคนตัดสินใจ
เมื่อวานนี้ได้พูดคุยกับเพื่อนส.ส.แล้ว ซึ่งทุกคนถือว่าอยู่ในพื้นฐานของการทำหน้าที่ ทำงานในสภา ซึ่งจากสถานการณ์นี้ จะทำให้สมาชิกพรรคพลังประชารัฐเกิดความเหนียวแน่นขึ้นหรือไม่ นายสุชาติมองว่า ส่วนหนึ่งที่พรรคพลังประชารัฐ มีความเหนียวแน่นกันเพราะมีหัวหน้าพรรค ที่ทุกคนให้ความเคารพ ส่วนเลขาพรรค ก่อนหน้านี้มีนายอนุชา นาคาศัยเป็นเลขาพรรคฯ เมื่อเปลี่ยนมาเป็นนายธรรมนัส สมาชิกก็ยังเหมือนเดิม เพราะหัวหน้าพรรคยังเป็นคนเดิมคือพลเอกประวิตร ย
มั่นใจไม่มีเอฟเฟค แรงกระเพื่อมอะไรตามมาหลังจากนี้ ประเด็นเรื่องนายธรรมนัสและนางนฤมล ซึ่งโดยภาพรวมแล้วทุกคนมีความสนิทสนมกันก็จริง ทุกคนรักกันดีอยู่แล้ว แต่ไม่จำเป็นต้องมีกลุ่มนี้ก๊วนอะไร ซึ่งตนเองอยู่ภาคกลางก็มีเพื่อนอยู่ภาคกลาง และทุกคนฟังนโยบายพรรคและเคารพหัวหน้าพรรค
แต่ถ้าเราอยู่ในพรรคไม่เคารพหัวหน้าพรรคไม่ฟังกัน มันก็อยู่ร่วมกันไม่ได้
ทั้งนี้นายสุชาติ ไม่ขอแสดงความคิดเห็นว่าเรื่องดังกล่าว เป็นบทเรียนให้กับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ เนื่องจากมองแค่ส่วนตัวและไม่ได้เกี่ยวข้องเรื่องนี้ และพร้อม เปิดเผยว่า ความสัมพันธ์ ระหว่างนายกรัฐมนตรีและส.ส. ไม่ได้ห่างเหินกัน เนื่องจากนายกทำงานหนักมาก และหากมีอะไรนายกรัฐมนตรี ก็คุยกับหัวหน้าพรรคโดยตรงอยู่แล้ว เป็นไปในทิศทางเดียวกันหมดอยู่แล้ว ส่วนตัวยังยอมรับว่าแม้แค่เป็นรัฐมนตรียังมีเวลาน้อยและทำงานจนเหนื่อยอาจจะไม่มีเวลาพูดคุยกับเพื่อนส.ส.ด้วยซ้ำ
มั่นใจว่าในพรรคพลังประชารัฐต่างจากนี้จะไม่มีแรงกระเพื่อมที่น่ากังวล เนื่องจากว่า ทุกคนที่มาอยู่พรรคพลังประชารัฐมาเพราะนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคไม่ได้มาเพราะนายธรรมนัส ส่วนจะมีเอฟเฟค หรืออาฟเตอร์ช็อกหลังจากนี้หรือไม่ นายสุชาติ กล่าวทิ้งท้ายว่า ก็รอดูรอเวลา