ปมลึก ปลด “นฤมล”พ่วง “ธรรมนัส”! บิ๊กตู่ ไม่ธรรมดา จับตาเข้ายึดพปชร. ผงาดเป็นนายกอีกสมัย?

2807

สถานการณ์การเมืองวันนี้ไม่พูดถึงไม่ได้ เตือนมาโดยตลอดว่า เพื่อนเตรียมทหาร 12 ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เคยพูดว่า รู้จักพลเอกประยุทธ์น้อยไป ถามว่าทำไมโดนกระทำถึงขนาดนี้แล้ว พลเอกประยุทธ์ยังทนอยู่ได้

วันนี้ชัดเจนยิ่งกว่าชัดเจน เมื่อได้ปลด ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า กับนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน เรื่องราวทั้งหมด สืบเนื่องมาจากวิกฤตทางการเมืองที่เกิดขึ้น เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาและเมื่อมีการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจเรียบร้อย พลเอกประยุทธ์ผ่านมาได้ ก็ได้ย้ำเตือนว่า เรื่องมิได้จบลงแค่นั้น แท้จริงแล้วมันเพิ่งจะเริ่มต้น สิ่งที่ตามมาคือ ต้องคว่ำ ปรับยึด คว่ำคือ ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 3 หลังจากนั้น จะมีการปรับคณะรัฐมนตรี แล้วจึงยึดพรรคพลังประชารัฐ เพราะพลเอกประยุทธ์ได้ประกาศกับผู้สื่อข่าว เมื่อถูกถามว่า ในสมัยน่าจะเดินต่อไหม พลเอกประยุทธ์บอกว่า ถ้าประชาชนสนับสนุนก็ไปต่อสิ แล้วจะไปต่อได้อย่างไร ถ้าไม่จัดการทางการเมืองให้เรียบร้อยและนั่นก็เป็นที่มาในการผนึกกำลังให้เห็นว่า 3 ป. คือพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มีความแนบแน่น ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่า จะต้องได้เห็นอะไรดีๆอย่างแน่นอน

แต่สิ่งที่จะได้เห็นนั้นปรากฏว่า เกิดการปลด ร้อยเอกธรรมนัสและนางนฤมล ซึ่งการปลดทีเดียวสองคนนั้น ก็เพื่อตัดกระแสต่างๆในพรรคพลังประชารัฐ ทุกคนรู้กันว่า ร้อยเอกธรรมนัสกับนางนฤมล มีความสนิทสนมกันอย่างยิ่ง แบ่งหน้าที่กันทำโดยเฉพาะการประสานงานกับหัวหน้าพรรคคือ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณและใช้โอกาสนี้ไปเชื่อมโยงเครือข่ายส.ส. ในพรรค ดังนั้น เมื่อปลดร้อยเอกธรรมนัสและนางนฤมลแล้ว การโหวตรัฐธรรมนูญในวันวันนี้ (10 กันยายน) ก็จะเป็นสัญญาณที่ชัดเจน สำหรับพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งขณะนี้แม้จะมีมติก่อนหน้าว่าจะเอา 2 ใบ แต่รับรองผึ้งแตกรังแน่ เมื่อผึ้งแตกรังแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะค่อยถูกปรับให้เข้ารูปเข้ารอยต่อไป

เราต้องมาดูเหมือนที่ย้ำว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ธรรมดา หลังจากปลดแล้วให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวแสบลึกไปถึงทรวง เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงเรื่องการปลดร้อยเอกธรรมนัสกับนางนฤมล พลเอกประยุทธ์ถอนหายใจครั้งนึง แล้วก็บอกว่า เขาเคยพูดเอาไว้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ร้อยเอกธรรมนัสว่า ไม่ได้เป็นรัฐมนตรีก็ออกไปเป็นส.ส.เขาสามารถช่วยประชาชนได้เดี๋ยวคงเป็นเรื่องของพรรคว่าจะทำอย่างไร

ย้อนรอยคำพูด ถ้าไม่ได้เป็นรัฐมนตรีก็ไปเป็นส.ส.ก็ทำงานช่วยเหลือประชาชนได้นี่ เคยพูดไว้เอง ผู้สื่อข่าวก็ถามต่ออีกว่า ก่อนหน้านี้ไหนว่าจะไม่ปรับมีเหตุผลอะไร พลเอกประยุทธ์บอกว่าเรื่องของผม ผมไม่ได้แจ้งใครทั้งสิ้น มันอยู่ที่ผม ผมทำของผม ผู้สื่อข่าวถามว่ามีเหตุผลอะไรเหตุผลของผมก็คือเหตุผลของผม นี่แหละพลเอกประยุทธ์ ความหมายของคำว่า ไม่ได้บอกใครเรื่องนี้ น่าจะไม่ได้บอกกับพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐก่อนอย่างแน่นอน แต่ทั้งสิ้นทั้งปวงมาจาก ความเชื่อมั่นใน3ป. ว่ามองตากันก็เข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร เพราะการตัดสินใจของพลเอกประยุทธ์ครั้งนี้ ได้รับเสียงตอบรับจากประชาชนอย่างล้นหลาม จากความนิยมที่แผ่วลง เพราะถูกตั้งคำถาม นี่แหละ ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ย้อนรอยความแสบสันต์ เป็นคำชมนะไม่ใช่เป็นคำกระแนะกระแหน ลูกผู้ชายที่ชื่อ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เพื่อนรักของพลเอกประยุทธ์ได้บอกว่า รู้จักเพื่อนผมน้อยไป เมื่อยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์เดินตาม ยิ้มๆ บางภาพผู้สื่อข่าวถ่ายรูปส่งตาหวานกันมีคนเป็นค่อนขอดว่า ทหารอะไรเดินตาม อย่างโน้นอย่างนี้ เจ็บแสบ แต่เงียบไม่มีคำตอบใดๆ ตอนกปปส.ออกมาชุมนุมและมีชายชุดดำออกมาโจมตีประชาชน พลเอกประยุทธ์ เอากำลังทหารออกมาดูแลรักษาความปลอดภัย ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร บอกว่า ตั้งจุดตรวจลายพราง มันทำลายบรรยากาศการท่องเที่ยว นายกรัฐมนตรีว่าแบบนั้น วันรุ่งขึ้นผู้บัญชาการทหารบกที่ชื่อ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เอากระถางดอกไม้มาตั้งตามจุดตรวจที่เป็นลายพรางและบอกผู้สื่อข่าวว่า เห็นมั้ย สวยงาม ไม่ได้ทำลายบรรยากาศการท่องเที่ยว นี่แหละ พลเอกประยุทธ์

ต่อมาก็ยึดอำนาจ การที่พลเอกประยุทธ์ ออกมาเตือนโดยย้ำอย่างชัดเจนว่า รู้ทุกสิ่งทุกอย่างในการเคลื่อนไหวโค่นล้ม ที่รัฐสภาให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวและเจ้าตัวยังไม่สนว่า คนระดับที่เคยเป็นผู้บัญชาการทหารบกนำกำลัง 3 เหล่าทัพเข้ายึดอำนาจ เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ถ้าพลาดแล้วตาย เพราะมันไม่ใช่จะเกิดการต่อสู้ในประเทศไทย นานาชาติจะแทรกแซงยังไงยังไม่รู้ด้วยซ้ำ ชะตากรรมแบบนั้น ธรรมดามั้ย และที่สำคัญดูตอนยึด ประกาศกฎอัยการศึกก่อน เคลื่อนกำลังกองทัพบกออกมากุมสภาพ เต็มพื้นที่ เต็มทุกจุด ล็อกแกนนำทุกฝ่ายไม่ให้เคลื่อนไหว หมายถึงส่วนที่อยู่รอบนอก แกนนำที่เผชิญหน้า เชิญมาอยู่ที่หอประชุมกองทัพบก ในที่เดียวกัน พอประกาศยึดอำนาจทุกอย่างอยู่ในอุ้งมือ คิดว่าธรรมดามั้ย

ดังนั้น นี่เป็นคำเตือนไปถึงบรรดานักการเมืองทั้งหลาย ว่าถ้ายังดันทุรังต่อไป โอกาสยุบสภามีแน่นอน แต่ถ้าเดินกันไปตามปกติ ใช้กระบววนการรัฐสภาทำงานไปตามสิ่งที่ควรจะเป็น เราก็จะเห็นบทบาทอีกบทบาทหนึ่งของพลเอกประยุทธ์ ที่จะเข้าไปดูแลพรรคพลังประชารัฐร่วมกับพลเอกประวิตร เพราะช่วงที่ผ่านมาชาลอย และแน่นอนถึงเวลานี้จะต้องมีการปรับเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐอย่างแน่นอน จะบอกว่า เลขาธิการพรรค ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ไม่ได้เป็นรัฐมนตรีแล้ว จะได้ไปทำงานให้พรรคอย่างเต็มที่ไม่ได้ ไม่เป็นรัฐมนตรีก็ไม่มีบารมี เดินทางไปไหนใครก็ไม่ให้การนอบน้อม ไม่ให้การยอมรับแล้ว ไม่สามารถที่จะใช้โครงข่ายอะไรต่างๆทำงานต่อไปได้ และสภาพการณ์ที่ผ่านมา พลเอกประยุทธ์ขาลอย จะขาลอยในทางการเมืองอย่างนั้น ไม่ได้อีกต่อไป

เพราะฉะนั้น แม้พลเอกประยุทธ์ จะบอกว่า ยังไม่มีการปรับใครเข้ามาแทน แต่ตำแหน่งที่ว่างต้องมีการปรับ ปล่อยให้ว่างไว้ไม่ได้ ซึ่งต้องจับตาดูต่อไป ว่าจะปรับใครยังไง ที่พลเอกประยุทธ์ คิดว่ามีผลงานเข้าตา และต้องทำในช่วงปลายของรัฐบาลก่อนหน้าที่จะมีการเลือกตั้งใหม่และสำคัญที่สุด ก็เพื่อให้เกิดความมั่นใจในการที่จะเดินต่อไปในอนาคตข้างหน้าก็คือ ต้องดูแลพรรคพลังประชารัฐ จะดูแลด้วยตัวเองหรือดูแลร่วมกับพลเอกประวิตร ก็ต้องดูว่ารูปแบบจะออกมาอย่างไรภายใต้การผนึกแน่นกำลังของ 3 ป.