จากที่รัฐสภาจะมีการประชุมร่วม เพื่อลงมติร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 83 และมาตรา 91 เกี่ยวกับระบบเลือกตั้ง ในวาระ 3 วันที่ 10 กันยายน หลังจากผ่านการเห็นชอบวาระ 2 ไปแล้วนั้น
ทั้งนี้หลายฝ่ายจับตาว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราดังกล่าวจะได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมรัฐสภา ในการลงมติวาระ 3 เพราะนอกจากมีเสียงสนับสนุนจาก 2 พรรคใหญ่อย่างพรรคพลังประชารัฐ และพรรคเพื่อไทย รวมถึงพรรคประชาธิปัตย์ ให้การสนับสนุนเรื่องการแก้กติกากลับมาใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบแล้ว ยังมีเสียงสนับสนุนจาก ส.ว.เกิน 84 เสียงที่พร้อมลงมติให้ความเห็นชอบเช่นกัน
สำหรับ การลงมติวาระ 3 สมาชิกรัฐสภาต้องให้ความเห็นชอบเกินกึ่งหนึ่ง หรือ 367 เสียง จากจำนวนสมาชิกรัฐสภาที่มีทั้งหมดขณะนี้ 733 คน โดยต้องมีเสียง ส.ว.ให้ความเห็นชอบเกิน 1 ใน 3 หรือ 84 คนด้วยซึ่งในการลงมติวาระสอง มาตรา 83 และมาตรา 91 ที่ผ่านมา ส.ว.มีมติเห็นชอบทั้ง 2 มาตรา เกิน 150 เสียง
หากย้อนไปเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2564 ในการลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระแรก ในระหว่างการประชุมรัฐสภา ที่มีทั้งหมด 13 ฉบับ ตั้งแต่ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับของพรรคพลังประชารัฐ 1 ฉบับ พรรคเพื่อไทย และพรรคฝ่ายค้าน 4 ฉบับ และพรรคร่วมรัฐบาล 3 พรรค อีก 8 ฉบับ
การลงมติในญัตติแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญทั้ง 13 ฉบับ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน และ ส.ว.ลงมติไปในแนวทางเดียวกับมติวิปของฝ่ายตัวเอง โดย ส.ว.ทุกคนลงมติไม่รับหลักการ หรืองดออกเสียงในร่างที่ 1 ของพรรคพลังประชารัฐ ไปในทางเดียวกันทั้งหมด ส่วนร่างอื่นๆ เสียง ส.ว.ลงมติไม่รับหลักการและงดออกเสียงเป็นส่วนใหญ่ มีออกเสียงรับหลักการแทรกเพียงบางส่วนเท่านั้น
ขณะที่ร่างที่ 13 ซึ่งเป็นร่างของพรรคร่วมรัฐบาล เกี่ยวกับการใช้บัตรเลือกตั้ง 2 บัตร ส.ว.ลงมติรับหลักการโดยพร้อมเพรียงกันเกือบทุกคน มีเพียง ส.ว.ส่วนน้อยที่ลงมติงดออกเสียง อาทิ นายคำนูณ สิทธิสมาน นายเฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ นางดวงพร รอดพยาธิ์ คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ และ พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร ที่ลงมติไม่เห็นด้วย
ร่างพรรคร่วมรัฐบาล แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 83, 91 ระบบเลือกตั้ง ส.ส. ใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ รับหลักการ 552 (ส.ส.342/ ส.ว.210) คะแนน ไม่รับหลักการ 24 คะแนน งดออกเสียง130 คะแนน ไม่ลงคะแนน 0 คะแนน
ซึ่งร่างที่ 13 ที่เสนอโดยพรรคประชาธิปัตย์ เพียงร่างเดียวที่ได้รับเสียงรับหลักการเกินกึ่งหนึ่งหรือ 367 เสียงจากจำนวนสมาชิก 733 เสียง และได้รับความเห็นชอบจากส.ว.ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดที่มีอยู่ของวุฒิสภา หรือ 84 เสียง
25 สิงหาคม 2564 ที่ประชุมรัฐสภามีมติเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 83 และมาตรา 91ในวาระที่ 2 หลังจากคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาแล้วเสร็จ สาระสำคัญของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ อยู่ที่การรื้อระบบเลือกตั้ง ส.ส. โดยหวนกลับไปใช้ระบบเดียวกับรัฐธรรมนูญ 2540
โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรา 83 ที่เดิม ให้สภาผู้แทนราษฎรประกอบด้วยสมาชิก 500 คน แบ่งเป็น ส.ส.แบบแบ่งเขต 350 คน และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 150 คน และให้ใช้บัตรเลือกตั้ง 1 ใบ มีการแก้ใหม่ให้สภาผู้แทนราษฎรประกอบด้วยสมาชิก 500 คน แบ่งเป็น ส.ส.แบบแบ่งเขต 400 คน และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน และให้ใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ
ซึ่งในการผ่านวาระ 2 ต้องอาศัยเสียงข้างมากของรัฐสภา หรือ 366 เสียง จากสมาชิกรัฐสภาทั้งหมด 732 เสียง ส.ส. 482 เสียง และ ส.ว. 250 เสียง ในการลงมติเห็นชอบเป็นรายมาตรา ปรากฏว่ารัฐสภาผ่านวาระ 2 ก่อนกลับมาลงมติเห็นชอบ/ไม่เห็นชอบ ทั้งฉบับ ในวันที่ 10 กันยายนนี้
หากดูที่ พล.อ. เลิศรัตน์ รัตนวานิช ส.ว. ที่อภิปรายสนับสนุนการปรับจำนวน ส.ส. ใหม่เป็น ส.ส.แบบแบ่งเขต ส.ส.บัญชีรายชื่อ จำนวน 400:100 และกลับไปใช้ใบเลือกตั้ง 2 ใบ โดยให้เหตุผลว่าในการเลือกตั้ง 2562 ที่ใช้แบบบัตรเลือกตั้งใบเดียวมีปัญหามาก
ขณะที่ นายวันชัย สอนศิริ ส.ว. อีกรายที่อภิปรายไปอีกทางว่า การใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ทำให้พรรคใหญ่กินรวบ ได้คะแนนแบบเบ็ดเสร็จสุดโต่ง ได้ ส.ส. แบบก้าวกระโดด มี ส.ส.พึงมีได้ เกินจริง รัฐธรรมนูญปี 2540 มีข้อบกพร่องจึงแก้ แต่กำลังย้อนรอยใช้สิ่งที่บกพร่อง อย่างไรก็ตามยอมรับว่าระบบบัตรใบเดียวก็มีข้อบกพร่อง เพราะเป็นระบบ มัดมือชกไม่ตรงความต้องการประชาชน จึงเสนอให้นำข้อดีรัฐธรรมนูญ 2540 และ 2560 มาผสมกัน เลือกคนที่รักและพรรคที่ชอบโดยเสรีเป็นธรรม
นั่นเองจึงต้องจับตาว่า การโหวตวาระสาม จะผ่านแบบฉลุย ที่คว่ำล้มกระดานกันอีก เพราะต้องไม่ลืมปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งยวด นั่นคือ จำนวนมือของส.ว.ที่ต้องมีอย่างน้อย 84 เสียง ซึ่งหากดูการลงมติในวาระหนึ่งและสอง ก็ดูเหมือนว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่อย่าลืมอีกนั่นแหละ ว่ายังมี ส.ว.ส่วนหนึ่งที่ไม่เห็นด้วย ถ้าเกิดรวมพลังกัน บางคน บางส่วนเปลี่ยนใจไม่เอาด้วยกับบัตรสองใบ อย่างที่ บิ๊กเยิ้ม พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร ส.ว. เพื่อนเตรียมทหาร 12 รุ่นเดียวกับ กับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ความวิตกกังวลไว้ กับการกลับมาของเผด็จการรัฐสภา
นอกจากนี้ยังมีเสียงที่ชวนให้คิดกับการใช้บัตรเลือกตั้งสองใบ อาจเป็นการส่งเสริมให้มีการซื้อเสียงอย่างมโหฬารอย่างที่เคยเกิดขึ้นเมื่อสิบกว่าปีก่อนหรือไม่ ??? ที่สำคัญว่ากันว่า การแก้รัฐธรรมนูญด้วยโจทย์นี้ เสมือนเปิดทางพรรคเพื่อไทยได้กลับมายิ่งใหญ่ และยังพลอยทำให้ อดีตนายกฯทักษิณ มีความหวังอาจได้กลับมาอย่างเท่ห์ๆด้วย???