เปิดลึกเงิน 5 ล้าน ฟันธง!นายกไม่แจก ถอดตัวเลขส.ส.ฝ่ายรัฐ ใช้เท่าไหร่??
จากการอภิปรายไม่ไว้วางใจช่วงหนึ่งที่ วิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นอ้างว่านายกรัฐนตรีแจกเงินให้ ส.ส.จำนวน 5 ล้านบาท เพื่อแลกกับการลงคะแนนโหวตไว้วางใจ ที่ห้องจากชั้น 3 มาชั้น 2 นั้น ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กล่าวก่อนเดินทางกลับอย่างอารมณ์ดี เมื่อถามถึงข้อกล่าวหาการแบ่งเงิน 5 ล้านบาทให้กับส.ส.นั้นจริงหรือไม่
โดยพล.อ.ประยุทธ์ หัวเราะร่วน เมื่อถามว่าจะมีการแจ้งความหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ก็เป็นการพูดในสภาก็พูดไป ผมคุยกับนายชวน หลีกภัย ประธานสภา แล้วบอกว่าไม่มีอะไร ขออย่าไปออกข่าวอะไรที่เสียหาย เราก็บอกท่านชวนให้ตรวจสอบ ว่ามีอะไรหรือไม่แต่ท่านชวนบอกว่า มันมีกล้องอยู่แล้ว มันไม่มีใครไปทำอะไรหรอกมันทำไม่ได้ ผมไม่ใช่คนแบบนั้น ทุกคนมาทักทายผม มาคารวะ เพราะไม่ได้เจอกับเขา ก็มาให้กำลังใจให้นายกฯ ผมไม่ทำบ้าๆบอๆ แบบนั้น ผมไม่ทำถุงขนม อยู่แล้ว”
ต่อมา นายไทกร พลสุวรรณ แกนนำกลุ่มไทยไม่ทน ได้ออกมากล่าวถึงกรณีดังกล่าวด้วย โดยพบว่ามีการแชร์คลิปนายวิสาร ช่วงอภิปรายกล่าวหานายกรัฐมนตรี พร้อมกับข้อความว่า ด่วน..!! ส.ส.วิสาร เตชะธีราวัฒน์ ประกาศกลางสภาว่านายกฯประยุทธ์จ่ายเงินให้ ส.ส.คนละ 5 ล้านบาทเพื่อโหวตสนับสนุนตนเอง จ่ายเงินที่ห้องรับรองนายกฯที่ชั้น 3 อาคารรัฐสภา(เวลานี้) #อภิปรายไม่ไว้วางใจ”
และได้โพสต์ต่อว่า “เจ้าสัวพลังงานขนเงินพันล้านซื้อ ส.ส.ให้โหวตไว้วางใจประยุทธ์ จ้างโหวตคนละ 5 ล้าน 250 เสียง = 1,250 ล้าน # อภิปรายไม่ไว้วางใจ”
“ข้อมูลลับ รถที่ขนเงินไปแจกที่สภาวันนี้เป็นรถฟอร์ดเอเวอร์เรสต์สีดำติดฟิล์มดำมืด ใช้ชายหัวเกียน 7 ชุดๆละ 3 คนขนเงินเข้าสภาโดยเอาเงินใส่กระเป๋าเอกสารใบใหญ่แบบลาก พฤติการณ์คือ ลากกระเป๋าหนึ่งคน คุ้มกันสองคน ทยอยเดินเข้าประตูด้านหลังติดอาคารจอดรถฝั่ง ส.ส. #อภิปรายไม่ไว้วางใจ”
อย่างไรก็ตาม ถ้าหาก พลเอกประยุทธ์ จะแจกให้กับ ส.ส.คนละ 5ล้านจริง ตามที่ถูกกล่าวหานั้น คงจะไม่แจกแต่ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ที่มีจำนวน ส.ส.ทั้งหมด 121 คน ถ้าแจกคนละ 5 ล้าน ก็เท่ากับ 605 ล้านบาท ซึ่งถ้านายกฯจะแจกเงิน ก็ต้องแจกทั้งฝ่ายของรัฐบาล ที่มีส.ส.ทั้งหมด 275 คน ถ้าให้คนละ 5 ล้าน ก็จะเป็นเงิน 1,375 ล้านบาท เพราะถ้าจะแจกแต่ส.ส.ในพรรคพลังประชารัฐหรือแจกแค่บางคน ถ้าอีกพรรครู้ หรือ อีกคนรู้ก็จะน้อยใจหรือโกรธได้ และอาจจะนำพาไปสู่การโหวตไม่ไว้วางใจได้ ซึ่งเป็นข้อสรุปได้ว่า การลงทุนเงินจำนวนมหาศาล เพื่อให้โหวตไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ไม่น่าจะเป็นเรื่องจริง นอกจากนี้ เรื่องดังกล่าว ยังสามารถตรวจสอบได้เพราะในรัฐสภา มีกล้องวงจรปิด ซึ่งทำให้การตรวจสอบสามารถทำได้ง่าย