หลังจากการชุมนุมของม็อบทะลุฟ้า วันที่ 16 ส.ค. 64 จบลงที่แยกดินแดง ด้วยการปะทะเดือดทั้ง 2 ฝ่าย จนเมื่อเวลาประมาณ 20.45 น. บนโลกโซเชียลได้มีการแชร์ภาพและข้อความ ระบุว่าตำรวจที่อยู่ในสน.ดินแดง ได้มีการใช้อาวุธปืนกระสุนจริง ยิงใส่กลุ่มผู้ชุมนุมที่มาปิดล้อม ก่อความวุ่นวาย ด้านหน้า สน.ดินแดง จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ ถูกยิง และมีรถกู้ภัยมารับไป
ซึ่งต่อมาทางพ.ต.อ.รัฐชัย ศรีวิชัย ผกก.สน.ดินแดง ได้ออกมากล่าวยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้มีการใช้กระสุนจริง ซึ่งทางฝ่ายสืบสวนสน.ดินแดง จะได้รวบรวมพยานหลักฐาน พิสูจน์ทราบว่าผู้ใด เป็นผู้ก่อเหตุดังกล่าวขึ้น เพื่อดําเนินคดีตามกฎหมาย
ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้มีวัยรุ่นถูกยิงบาดเจ็บสาหัส 2 ราย บริเวณใกล้เคียงสน.ดินแดง 1 ราย เบื้องต้นพบบาดแผลที่ลำคอด้านซ้ายเป็นรูกู้ภัยรีบนำตัวส่ง รพ.ราชวิถี ไม่ทราบชื่ออายุ 20 ปี และเวลาประมาณเวลา 21.30 น. มีรายพบผู้บาดเจ็บเป็นชายถูกยิงที่บริเวณไล่ซ้าย 1 รู รีบนำส่งโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ รายนี้อายุ 14 ปี โดยทางรพ.ราชวิถีได้แถลงว่า ชายอายุ 20 ปีนั้น ตอนนี้อาการโคม่า ยังไม่รู้สึกตัว
ล่าสุดทางด้านนายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา ได้แสดงความคิดเห็น ถึงประเด็นนี้ ระบุว่า “ม็อบ 16 สิงหา ตามคาด ความรุนแรงเพิ่งเริ่มต้น เรื่องชายวัยรุ่นที่ร่วมม็อบถูกยิงบาดเจ็บสาหัสเมื่อคืนใกล้สน.ดินแดง
รัฐต้องเร่งสตช.แถลงและเร่งสืบสวนติดตามจับกุมผู้ใช้อาวุธโดยเร็ว เพราะกำลังมีการกล่าวหาโยนเรื่องให้เจ้าหน้าที่เป็นผู้กระทำ ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรต้องเร่งตรวจสอบตรงไปตรงมาให้ชัดเจนกันครับ”
อย่างไรก็ตามในโลกโซเชียลได้มีการแชร์ภาพ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่บาดเจ็บ ถูกยิงบริเวณหว่างคิ้ว เป็นรอยแตก และมีเลือดออก ซึ่งทางฝั่งม็อบมักจะอ้างว่า ถูกเจ้าหน้าที่ด้วยกันยิงใส่ และมีการแชร์ข้อความต่ออีกว่า เจ้าหน้าที่นั้นจะใช้ปืน 38 , 9 ,11 มม. แต่ 22 มม. เด็กอาชีวะชอบใช้ เพราะสามารถใส่ในปืนปากกาได้
ต่อมามีรายงานข่าวแจ้งว่า กระสุนที่ใช้ยิงผู้ชุมนุมเป็น.22 ซึ่งเรื่องนี้ก็น่าจะชัดเจนว่า ไม่ใช่ฝีมือตำรวจ เพราะทางเจ้าหน้าที่ใช้กระสุนชนิดอื่น ดังนั้นเองจึงชวนให้ตั้งคำถามในเชิงข้อสงสัย ว่าผู้ชุมนุมยิงกันเองหรือไม่ เพื่อสร้างสถานการณ์ โดยผู้เชี่ยวชาญรายงานย้ำถึงชนิดกระสุนที่ใช้ของเจ้าหน้าที่ และประกอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
โดยเหตุการณ์ชุลมุนจนมีผู้บาดเจ็บทั้ง 2 ฝั่ง ทำให้สังคมต้องการคำตอบอย่างมาก โดยมีการขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองพิสูจน์หลักฐานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ออกมาชี้แจงให้ชัดเจนว่า กระสุนนั้นมาจากอาวุธปืนชนิดใด มีขนาดเท่าใด และวิถีกระสุนมาจากฝั่งไหน หากเจ้าหน้าที่ไม่สามารถชี้แจงได้ หรือไม่เร่งมือตรวจสอบ จะยิ่งทำให้เสียภาพลักษณ์ของเจ้าหน้าที่ และถูกโยนบาปว่าเป็นความผิดของเจ้าหน้าที่แน่นอน
