กองทัพรัสเซียเตรียมส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดความเร็วเหนือเสียง “ตู-22เอ็ม3” จำนวน 4 ลำ ไปซ้อมบินทางยุทธวิธีในอุซเบกิสถาน ด้านติดเขตแดนอัฟกานิสถาน สถานการณ์ตึงเครียดอาฟกานิสถานส่อแนวโน้มว่า รัฐบาลหุ่นของสหรัฐฯที่ถูกทิ้งให้เผชิญการล้างแค้นของศัตรูมีแนวโน้มว่าจะพ่ายแพ้ และรัสเซียจะเดินหน้าซ้อมรบร่วมข้ามแดนครั้งใหญ่ตามแผน กับเบลารุสในเดือนกันยายน ขณะที่มีแผนร่วมซ้อมรับกับอินเดียและจีนในเดือนสิงหาคมตลอดทั้งเดือน การเคลื่อนไหวถี่กระชั้นอย่างต่อเนื่องของมหาอำนาจอีกขาหนึ่งของโลก บ่งบอกสถานการณ์ระอุเดือดของสงครามใหญ่ในพื้นที่เอเชีย-แปซิฟิค ทั้งทะเลดำ มหาสมุทรอินเดียและทะเลจีนใต้ เมื่ออันธพาลใหญ่สหรัฐ-นาโต้-กลุ่มควอต เคลื่อนไหวทางทหารคึกคัก
วันที่ 7 ส.ค.2564 สำนักข่าวอาร์ที รอยเตอร์และสปุ๊ตนิครายงานว่า การซ้อมรบในเอเชียกลางเกิดขึ้นต่อเนื่อง ท่ามกลางฉากหลังของสถานการณ์ที่ย่ำแย่ในอัฟกานิสถาน ซึ่งรัฐบาลของประเทศกำลังดิ้นรนเพื่อหยุดยั้งการรุกคืบของตอลิบันที่กำลังดำเนินอยู่ ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมากองทหารของรัฐบาลได้สูญเสียเมืองหลวงสองแห่งให้กับกลุ่มติดอาวุธ ได้แก่ เมืองซารานจ์ทางตะวันตกเฉียงใต้ และเมืองเชเบอร์ฮันทางตอนเหนือ
ภาวะความระส่ำระสายที่เกิดขึ้นในภูมิภาค ทำให้รัสเซียและพันธมิตรต่างเตรียมกองกำลังเพื่อตอบโต้กองทัพพร็อกซี่ของสหรัฐฯ ในนามผู้ก่อการร้ายไอเอสที่อาจถูกปลุกให้คืนชีพในขณะฝุ่นตลบหลังจาก รัสเซียช่วยปราบขับไล่จนหมดฤทธิ์ในซีเรียเมื่อปีที่ผ่านมา
กระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงเมื่อวันพฤหัสบดี ว่า กองทัพรัสเซียจะส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ความเร็วเหนือเสียง ตู-22เอ็ม3 (Tu-22M3) 4 ลำ ไปฝึกซ้อมในอุซเบกิสถาน ด้านใกล้เขตแดนอัฟกานิสถาน ในวันเดียวกันแถลงการณ์ของกระทรวงกลาโหมเบลารุส ยืนยันว่า กองทัพรัสเซียและกองทัพเบลารุส จะซ้อมรบร่วมครั้งใหญ่ เวสต์-2021 (West-2021) ตามแผน ในเดือนกันยายน โดยการซ้อมรบจะมีขึ้นที่สนามซ้อมรบของทั้ง 2 ประเทศ จะมีทหารเข้าร่วมหลายพันคน รวมถึงทหารจากคาซัคสถาน ที่อยู่ในกลุ่มความร่วมมือด้านความมั่นคงที่มีรัสเซียเป็นแกนหลักด้วย
แถลงการณ์ฯกล่าวว่า ความตึงเครียดระหว่างประเทศ ลุกลามสู่ระดับที่อาจบ่อนทำลายสถานการณ์ในภูมิภาค และเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของรัสเซียและเบลารุส ส่วนทางด้าน พล.อ.โรมัน มาโชเวตส์ รองประธานคณะเสนาธิการทหารกองทัพยูเครน กล่าว ว่า แผนการซ้อมรบร่วมกองทัพรัสเซีย-เบลารุส เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของยุโรปและอเมริกาเหนือ และถือเป็นการข่มขู่ฝ่ายนาโต้
ขณะที่เอเชียกลางคุกรุ่น เมื่อรัสเซียต้องเผชิญหน้ากับการบีบคั้นจากสหรัฐและตะวันตก เท่ากับผลักให้ปธน.ปูติน ใกล้ชิดกับปธน.สี จิ้นผิงมากขึ้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง การสนับสนุนความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างรัสเซียกับจีนจึงเกิดขึ้น ภายใต้แผนซ้อมรบใหญ่ 2 ประเทศในชื่อ Zapad / Interaction Military Exercise 2021
พันเอกอาวุโสหวู่ เกียน (Wu Qian) โฆษกกระทรวงกลาโหม(MND) ของจีนกล่าวว่าทั้งสองประเทศได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันในการซ้อมรบแล้ว โดยจัดขึ้นที่ฐานฝึกยุทธวิธีแบบใช้อาวุธร่วมของกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน (PLA) ในเมืองกิงตงเซีย(Qingtongxia) ทางตะวันตกของประเทศจีน ภูมิภาคหนิงเซียหุย (Ningxia Hui Autonomous) ภายใต้หัวข้อของการร่วมกันปกป้องความมั่นคงและสเถียรภาพของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิค
ตามที่กระทรวงกลาโหมของจีนระบุว่า กองทหารจีนที่เข้าร่วมในการฝึกซ้อมจะมาจากกองบัญชาการตะวันตกของ PLA เป็นหลัก รัสเซียจะส่งกองกำลังของตนออกจากเขตทหารตะวันออก การฝึกซ้อมจะรองรับทหารทั้งหมดมากกว่า 10,000 นาย และจะได้เห็นเครื่องบิน ปืนใหญ่ และอุปกรณ์หุ้มเกราะจำนวนหนึ่งเข้าร่วม การฝึกซ้อมร่วมมีขึ้นเพื่อทดสอบ ตรวจสอบ และเพิ่มขีดความสามารถในการลาดตระเวนร่วมกัน การเตือนล่วงหน้า การโจมตีข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ และความสามารถในการโจมตีร่วมของกองทัพทั้งสองประเทศ
ความสัมพันธ์ทางการทหารรัสเซีย-จีนไปสู่ระดับที่สมบูรณ์ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็น “พันธมิตรทางทหารโดยพฤตินัย เพราะได้รับแรงกดดันจากอีกฝ่ายคือสหรัฐและพันธมิตรตะวันตกเหมือนกัน
เมื่อเร็วๆ นี้ ทั้งสองประเทศได้ฉลองครบรอบ 20 ปีของสนธิสัญญาจีน-รัสเซียว่าด้วยความร่วมมือที่เป็นมิตรและมิตรภาพยั่งยืน โดยประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน และสี จิ้นผิง ระบุในแถลงการณ์ร่วมว่าการเป็นหุ้นส่วนของรัสเซียและจีนนั้นเป็นมากกว่าเรื่องพันธมิตรทางการเมืองหรือทางทหาร ทั้งนี้หวัง ยี่รัฐมนตรีต่างประเทศจีนให้คำมั่นว่าทั้งสองประเทศจะเดินหน้า “ยกระดับการประสานงานเชิงยุทธศาสตร์เพื่อส่งเสริมเสาหลักอันแข็งแกร่งในการรักษาสันติภาพและความมั่นคงของโลกต่อไป”
ในระหว่างนี้การฝึกทหารร่วม ระหว่าง Russia-India ครั้งที่ 12 ในนามปฏิบัติการอินทรา-21 (Indra-21) ได้จัดขึ้นที่เมืองโวลโกกราด รัสเซีย ตั้งแต่วันที่ 1 ถึง 13 ส.ค.2564 กองทัพบกอินเดียระบุว่า การฝึกดังกล่าวจะนำไปสู่การปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้าย ภายใต้กรอบการทำงานของกองกำลังร่วมต่อต้านกลุ่มก่อการร้ายระหว่างประเทศ ของสหประชาชาติ และจะช่วยเสริมความมั่นใจซึ่งกันและกันและการทำงานร่วมกันระหว่างกองทัพอินเดียและรัสเซีย และเปิดใช้งานการแบ่งปันประสบการณ์และแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดระหว่างกองกำลังของทั้งสองประเทศ”
