ประเทศเฮติไม่เคยมีความสงบสุขสันติ ตั้งแต่ได้รับเอกราชที่ต้องแลกด้วยการจ่ายชดเชยให้นายทาสฝรั่งเศส จนกระทั่งปัจจุบันเต็มไปด้วยความแตกแยกและอาชญากรรม และเป็นประเทศยากจนที่สุดในย่านแคริบเบียน เหตุการณ์ล่าสุดที่ช็อคโลกสะท้อนอะไร? เมื่อกลุ่มมือปืนลอบสังหารประธานาธิบดีเฮติที่บ้านพัก ได้รับบาดเจ็บสาหัสและไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล ทีมบริหารใหม่ประกาศภาวะฉุกเฉิน 2 สัปดาห์ประกาศไล่ล่าฆาตกร ขณะสหรัฐและประเทศเพื่อนบ้านประณามเหตุการณ์ป่าเถื่อนครั้งล่าสุดนี้ ต่อมาพบวิดิโอแพร่โซเชียลกลุ่มมือปืนอ้างตัวเป็น จนท.สหรัฐฯพูดภาษาอังกฤษและสเปน ทำให้สหประชาชาติเรียกประชุมฉุกเฉินแต่ยังไม่มีมติทางการออกมาแต่อย่างใด
ประธานาธิบดีเฮติโฌเวแนล โมอิส(Jovenel Moise) ถูกมือปืนยิงปืนไรเฟิลจู่โจมในบ้านส่วนตัวของเขาในชั่วกลางคืนเมื่อวันพุธที่ 7 ก.ค.2564 ที่ผ่านมา ทำให้เกิดความกลัวว่าจะเกิดความโกลาหลต่อไปในประเทศแคริบเบียนที่ยากจนที่สุดในทวีปอเมริกา ในขณะที่ทางการประกาศภาวะฉุกเฉินและเร่งตามล่ามือสังหารกำลังดำเนินอยู่
เหตุลอบสังหารซึ่งเรียกเสียงประณามจากสหรัฐฯ และบรรดาประเทศเพื่อนบ้าน มีขึ้นตามหลังเหตุความรุนแรงจากฝีมือแก๊งต่างๆ ในกรุงปอร์โตแปงซ์ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ซึ่งมีต้นตอจากวิกฤตด้านมนุษยธรรมที่หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ และสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมือง
โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ระบุว่า เขารู้สึกช็อกต่อการลอบสังหารอันชั่วร้าย ซึ่งปลิดชีพประธานาธิบดีโฌเวแนล โมอิส ส่วนมาร์ทีน ภรรยาของประธานาธิบดีได้รับบาดเจ็บสาหัส
“เราขอประณามการโจมตีอันชั่วร้ายนี้ และผมขอส่งความปรารถนาดีด้วยความจริงใจ ภาวนาให้สุภาพสตรีหมายเลข 1 ของโมอิส ฟื้นตัวโดยเร็ว” ไบเดนระบุในถ้อยแถลง “สหรัฐฯ ขอแสดงความเสียใจต่อประชาชนชาวเฮติและเราพร้อมช่วยเหลือ และเราจะเดินหน้าทำงานเพื่อความปลอดภัยและคุ้มครองเฮติ”
รัฐบาลเฮติประกาศภาวะฉุกเฉินเป็นเวลา 2 สัปดาห์เพื่อตามล่าตัวฆาตกร ซึ่งเอกอัครราชทูตเฮติประจำสหรัฐฯนายบ็อคชิท เอ็ดมอนด์ (Bocchit Edmond) อธิบายว่าเป็นกลุ่ม “ทหารรับจ้างต่างชาติ” และฆาตกรที่ได้รับการฝึกมาอย่างดีกลุ่มมือปืนพูดภาษาอังกฤษและสเปน
รักษาการนายกรัฐมนตรี โคลด โจเซฟ ซึ่งเข้ารับตำแหน่งผู้นำของประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่พูดภาษาฝรั่งเศสหรือเฮติ ครีโอล กล่าวว่า“เพื่อนร่วมชาติของฉัน ใจเย็นไว้เพราะสถานการณ์อยู่ภายใต้การควบคุม” โจเซฟกล่าวในการปราศรัยทางโทรทัศน์ไปยังประเทศชาติ “การโจมตีครั้งนี้ได้ทำร้ายประเทศนี้แต่จะไม่พ้นโทษทัณฑ์”
โจเซฟเปิดเผยว่า ปธน.โฌเวแนล โมอิส ถูกกลุ่มคนร้ายลอบสังหารที่บ้านพักชานกรุงปอร์โตแปรงซ์เมื่อช่วงเช้ามืดของวันพุธที่ผ่านมา “ประธานาธิบดีถูกกลุ่มชาวต่างชาติที่พูดภาษาอังกฤษและสเปนสังหารที่บ้านพักได้รับบาดเจ็บสาหัสก่อนจะทนพิษบาดแผลไม่ไหว”
ในวิดีโอที่เผยแพร่บนสื่อสังคมออนไลน์ แต่สำนักข่าวรอยเตอร์ไม่ยืนยันว่าเป็นของจริงหรือไม่ พบเห็นกลุ่มมือปืนตะโกนว่าพวกเขาเป็นเจ้าหน้าที่จากสำนักงานปราบปรามยาเสพติดสหรัฐอเมริกา (Drug Enforcement Administration : DEA) ตอนที่พวกเขาเข้าไปในบ้านพักโมอิสในยามค่ำคืน ก่อนเสียงปืนดังปะทุขึ้น
บ็อคชิต เอดมอนด์ เอกอัครราชทูตเฮติประจำสหรัฐฯ ยืนยันว่า กลุ่มมือปืนแอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากสำนักงานปราบปรามยาเสพติดสหรัฐฯ พร้อมให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ว่า เจ้าหน้าที่เฮติยินดีรับความช่วยเหลือด้านความมั่นคงจากอเมริกาตามหลังเหตุลอบสังหารประธานาธิบดี
แหล่งข่าวในรัฐบาลสหรัฐฯ ยืนยันว่าสำนักงานปราบปรามยาเสพติดอเมริกาไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับเหตุลอบสังหารในครั้งนี้
นอกจากวิกฤตทางการเมืองแล้ว เฮติยังต้องเผชิญกับการลักพาตัวเพื่อเรียกค่าไถ่ที่เพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงการขยายอิทธิพลของกลุ่มติดอาวุธในประเทศ รวมทั้งยังมีปัญหาความยากจนที่เรื้อรังมายาวนานและภัยธรรมชาติซ้ำแล้วซ้ำเล่า ด้วยการเมืองที่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายของเฮติและผู้คนในประเทศแห่งนี้กำลังเผชิญกับความหิวโหยหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ จึงมีความกังวลว่าสถานการณ์ความยุ่งเหยิงอาจลุกลามบานปลาย กระตุ้นให้สาธารณรัฐโดมินิกันชาติเพื่อนบ้าน สั่งปิดชายแดนร่วมกับเฮติบนเกาะฮิสปันโยลา ยกเว้นแต่พลเมืองที่เดินทางกลับประเทศ พร้อมทั้งยกระดับรักษาความปลอดภัย
คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติแสดงความรู้สึกช็อกและเสียใจต่อการตายของโมอิส จัดการประชุมลับในวันพฤหัสบดีที่ 8 ก.ค.2564 ตามคำร้องขอของสหรัฐฯ และเม็กซิโก เพื่อประเมินสถานการณ์ในเฮติ