ระวังจะมีชะตาเดียวกัน!! “พิชัย เพื่อไทย” ท้า “บิ๊กตู่” หาก 120 วันเปิดประเทศไม่ได้ต้องลาออก ตามรอย “วิโรจน์” อวดซ่า สุดท้ายเจอสังคมกดดันให้พ้นส.ส.!?

1854

หลังจากที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีประกาศออกมา ถึงแนวทางการเดินหน้าต่อสู้กับสถานการณ์โควิด-19 ที่จะนับถอยหลังอีก 120 วัน จะเปิดประเทศ เพื่อดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่ได้รับวัคซีนครบ 2 โดส มาท่องเที่ยว เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ประเทศชาติ ประชาชนอยู่รอด

แน่นอนว่ามีหลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ ว่า 120 วัน จะเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน ด้วยจำนวนตัวเลขที่ยังติดเชื้อสูง และการฉีดวัคซีนที่จะตรงตามเป้าหมายที่วางไว้หรือไม่

ล่าสุดทางด้านนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยด้านเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า กรณีที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รวมถึงหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ประกาศว่าจะเปิดประเทศไทยใน 120 วัน ซึ่งจะตรงกับวันที่ 14 ต.ค. 2564 และจะมีวัคซีนโควิด-19 จำนวน 105.5 ล้านโดส มาฉีดให้ประชาชนก่อนเปิดประเทศ จึงอยากให้ทำให้สำเร็จเพื่อเศรษฐกิจไทยจะได้เริ่มลืมตาอ้าปากได้บ้าง

แต่เนื่องจากที่ผ่านมา พลเอกประยุทธ์ ล้มเหลวในการบริหารและผิดคำพูดซ้ำแล้วซ้ำอีก จึงอยากให้รักษาสัญญาประชาคมโดยเอาตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาเป็นประกัน หากทำไม่ได้หรือล้มเหลวอีก จะต้องประกาศไม่ดำรงตำแหน่งอีกต่อไปทั้งในปัจจุบันและในอนาคต เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน เนื่องจาก พลเอกประยุทธ์ แทบไม่เหลือเครดิตให้ประชาชนได้เชื่อถือได้อีกแล้ว

พร้อมทั้งอย่าให้ประชาชนคิดว่าเป็นเพราะ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือ โทนี่ วู้ดซัม ที่ประกาศในคลับเฮาส์ว่าจะเปิดประเทศได้ภายใน 6 เดือน จึงทำให้ พลเอกประยุทธ์ เต้นตามและประกาศเป็น 120 วัน เพียงเพื่อเบิ้ลบลัฟฟ์นายโทนี่หรือไม่

นอกจากนี้นายพิชัย ยังกล่าวถึงกรณีที่ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ออกมาประกาศว่า การเปิดประเทศ 120 วันนั้น นับจากวันที่ 1 ก.ค. 2564 เป็นต้นไป ซึ่งไม่ตรงกับที่ พลเอกประยุทธ์ ประกาศไว้ ถือเป็นการตบหน้า พลเอกประยุทธ์ อย่างแรง และต่อมาโฆษกรัฐบาลยังตบหน้าซ้ำอีกโดยประกาศว่าไม่ใช่เป็นการเคาต์ดาวน์ แต่เป็นแค่หลักการ ยิ่งทำให้เครดิตของ พลเอกประยุทธ์ ที่มีน้อยอยู่แล้วต้องกลายเป็นติดลบทันที

อีกทั้งยังกล่าวด้วยว่า “การเร่งเปิดประเทศเพื่อให้เศรษฐกิจไทยกลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็วเป็นเรื่องสำคัญและจำเป็น เพราะปัจจุบันเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวอย่างรวดเร็วซึ่งส่งผลกระทบทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นสูง ราคาสินค้าเริ่มมีราคาสูงขึ้นอย่างมาก โดยราคาน้ำมันมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นไปอีก

ในขณะที่สหรัฐอเมริกาอัตราเงินเฟ้อได้พุ่งสูงสุดในรอบ 13 ปี หรือเงินเฟ้อสูงขึ้นถึง 5% และเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาปีนี้จะขยายตัวได้ถึง 7% หลังจากปีที่แล้วติดลบที่ -3.5% ซึ่งทำให้คาดการณ์กันว่าดอกเบี้ยในสหรัฐฯอาจจะต้องขึ้นเร็วกว่าที่คาดกันไว้เดิม โดยอาจต้องขึ้นดอกเบี้ยในต้นปีหน้า ซึ่งทั้งอัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยจะส่งผลกระทบมาถึงเศรษฐกิจไทยอย่างแน่นอน และอาจเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจชะงักงัน หรือ Stagflation ได้ ซึ่งเป็นสภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่และน่ากลัวที่สุด”

อย่างไรก็ตาม การออกมาเคลื่อนไหวของนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยด้านเศรษฐกิจ อาจจะซ้ำรอยเดียวกับ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.พรรคก้าวไกล ที่เคยออกมาท้าทายให้รัฐมนตรีและนายกฯลาออก หากวัคซีนมาไม่ทันตามกำหนด จนถูกนายอนุทิน ตอกกลับว่า ถ้าวัคซีนมาทัน คนพูดต้องลาออก ซึ่งหลังจากนั้นเอง ก็มีกระแสจากประชาชนกดดันให้นายวิโรจน์ลาออก ไม่ว่าเจ้าตัวจะพูดอะไรที่มีสาระหรือไม่ ก็ตาม จะถูกประชาชนถามตลอดว่า เมื่อไหร่จะลาออก ไม่อยากให้มีส.ส.ที่กินเงินภาษีประชาชน แต่มีความรู้ครึ่ง ๆ กลาง ๆ บางครั้งนายวิโรจน์ก็เคยทวีตข้อความเหน็บรัฐบาล แต่สักพักก็จะลบออก ทั้งนี้การออกมาท้าให้นายกฯลาออก ของนายพิชัย อาจจะมีชะตาเดียวกับนายวิโรจน์ หากนายกฯสามารถเปิดประเทศได้ทัน ถึงวันนั้นนายพิชัยอาจจะเจอกระแสกดดันให้ออกจากตำแหน่ง และเป็นนักการเมืองที่ประชาชนไม่ให้ความสำคัญด้วย