เมืองเมดิสัน มลรัฐวิสคอนซิน, สหรัฐอเมริกา ชายอเมริกันผิวขาวจำนวน 4คนใช้ที่จุดบุหรี่จ่อที่ใบหน้าและคอของวัยรุ่นผิวสีทำให้บาดเจ็บ และด่าว่าด้วยคำหยาบ ในช่วงเวลาที่มีการประท้วงต้านการเหยียดผิวในเมืองตำรวจได้เข้าทำการสอบสวน ระบุชัดเป็นการเหยียดผิว บ่ายวันพุธที่ 24 มิถุนายน 2563 บริเวณสี่แยกไฟแดง กลางเมืองเมดิสัน นางสาวอัลเทีย เบิร์นสไตน์ วัย 18 ปี บาดเจ็บเพราะการถูกเผาที่ผิวหนังตามร่างกาย ระดับ 2-3 โดยตัวแทนของครอบครัวของเธอ นายไมเคิล จอห์นสัน, ซีอีโอ Boys & Girls Club of Dane Countryได้เข้าแจ้งความสถานีตำรวจ ประจำเมืองที่เกิดเหตุ ตำรวจระบุชัดว่าเป็นการทำร้ายร่างกายเนื่องจากปัญหาการเหยียดเชื้อชาติ และอยู่ในระหว่างการสืบสวน
หญิงสาวขับรถกลับบ้านพร้อมมเพื่อน ขณะติดไฟแดง ได้ยินคำเรียกชื่อหยาบคาย เธอหันไปมอง เห็นชายแปลกหน้าผิวขาว 4 คนอยู่ในรถอีกคันใกล้กับรถของเธอ พวกเขาสาดน้ำทันไฟแช็ค และใช้ที่จุดบุหรีใส่ที่ใบหน้าและลำคอเธอ ทำให้เธอตกใจมาก และรีบขับรถกลับยังบ้านมารดา ต่อมาได้ไปรักษาที่โรงพยาบาลในละแวกนั้น จอห์นสันได้พาครอบครัวไปแจ้งความ ตำรวจสอบสวนเหตุการณ์ระบุว่า เป็นการทำร้ายร่างกายที่เกิดจากการเหยียดสีผิวแน่นอน
นับตั้งแต่การประท้วงต่อต้านการเหยียดผิวเริ่มขึ้น ด้วยกรณีจอร์จ ฟลอยด์ เมืองมินนิอาโปลิส ที่ตำรวจผิวขาวจับกุมตัวเขาด้วยข้อกล่าวหาใช้แบงก์ 20 ดอลลาร์ปลอม และจับเขากดคอด้วยเข่านานกว่า 8 นาที จนเสียชีวิตในที่สุด ความไม่พอใจของประชาชนชาวเมืองมินนิอาโปลิส ได้ขยายลุกลามกลายเป็นมหาการชุมนุมประท้วงทั่วสหรัฐ ด้วยคำขวัญรณรงค์ “I can’t breath” และ “Black Lives Matter” กว่า 1 เดือนที่ขยายขอบเขตไปทั่วโลก และยังไม่สงบจนปัจจุบันนี้
สิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมอเมริกันช่วงนี้ จึงเต็มไปด้วยความรุนแรงทั้งฝ่ายที่ถูกกดดันเหยียดหยามมาโดยตลอด และฝ่ายที่กระทำด้วยเชื่อกันคนละแนวทางความคิด เป็นวิกฤติสังคมและวัฒนธรรมที่ใหญ่หลวงที่สุดในสหรัฐอเมริกาตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมาก็ว่าได้ และยังไม่ทีทีท่าว่าจะสงบลงได้อย่างไร
…………………………………………………………….
Cr: buzzfeednews