ชำแหละ ลูกไม้เด็ดสามกีบ!? ชัดเจนสุดๆ แห่ล่าชื่อไล่ “อนุทิน” ทะลุ 80,000 ชื่อ แท้จริงต้องการขยี้ “ประยุทธ์” หวังล้มทั้งรัฐบาล!?
จากกรณีที่ได้มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอก 3 ซึ่งมีการแพร่ระบาดอย่างรุนแรงอยู่ในขณะนี้ และไม่มีทีท่าหรือ แผนการณ์ที่จะทำให้น่าเชื่อถือได้ว่ากระทรวงสาธารณสุขจะมีแผนการอะไรในการหยุดยั้งการแพร่ระบาด และอาจจะยิ่งทำให้เกิดการขยายตัวเป็นวงกว้าง
ทำให้ทางด้านของ ประชาชน และบุคลากรทางการแพทย์จำนวนมาก ต่างมองว่า การบริหารจัดการเชิงนโยบายในส่วนของฝ่ายบริหาร ซึ่งรับผิดชอบโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข “นายอนุทิน ชาญวีรกูล” กำลังล้มเหลว ในขณะที่ทางด้านของ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ทุกคน กำลังทำงานกันอย่างหนัก ส่งผลให้มีการล่ารายชื่อเพื่อถอดถอน นายอนุทิน ในขณะนี้
โดยทางด้านของ “หมอไม่ทน” ได้สร้างแคมเปญรณรงค์ ผ่าน www.change.org ในหัวข้อ เรียกร้องให้อนุทิน รัฐมนตรีสธ.ลาออก จากความล้มเหลวในการแก้ปัญหาการระบาด COVID19 โดยต้องการทั้งหมด 150,000 รายชื่อ ซึ่งล่าสุดในขณะนี้เวลาประมาณ 16.00 น. ได้มีผู้ลงชื่อร่วมสนับสนุนแล้วประมาณ 82,422 คน
โดยภายในรายละเอียดของแคมเปญการรณรงค์ในครั้งนี้ มีเนื้อหาดังต่อไปนี้
กว่า 1 ปีเต็มที่ผ่านมาของการระบาด COVID-19 เป็นข้อพิสูจน์แล้ว ว่า อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ไม่มีความสามารถมากพอในการควบคุมดูแลการแพร่ระบาดของ COVID19 ทั้งเรื่องการวางนโยบาย การจัดการทรัพยากร การจัดหาวัคซีน และการสร้างความเชื่อมั่นให้บุคลากรทางการแพทย์
นอกเหนือไปกว่านั้น หลายครั้งบทสัมภาษณ์จากนายอนุทิน ยังทำให้เห็นชัดเจนว่าไม่มีวิสัยทัศน์ที่เหมาะสมในการทำงานควบคุมกระทรวงที่เป็นกระทรวงหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่การระบาดไม่สามารถควบคุมได้
เริ่มต้นตั้งแต่ที่พูดว่า “เป็นเพียงไข้หวัดธรรมดา” เมื่อบุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อ ก็แจ้งว่า “หมอไม่ระวังตัวเองจนติดโควิด 19-ไม่ได้ติดจากงาน แบบนี้ต้องหวดกัน” และบทสัมภาษณ์อีกมากมาย ที่ประชาชนได้รับทราบโดยทั่วกัน
จากความล้มเหลวทั้งหมดนี่ เป็นข้อพิสูจน์แล้วว่าเราไม่อาจจะให้เวลาอันมีค่าของเรา หมดสิ้นไปกับการบริหารงานที่มีประสิทธิภาพไม่มากพอได้ ขอเรียกร้องให้นายอนุทิน ชาญวีรกูลลาออก และให้ผู้ที่มีความสามารถ มีความเหมาะสมมากกว่าเข้ารับตำแหน่ง ในช่วงเวลาที่ประเทศกำลังตกอยู่ในความวิกฤตนี้
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม การลงชื่อขับไล่ นายอนุทิน ครั้งนี้ เป้าหมายหลักอาจจะไม่ใช่เหตุผลทั่วไปในเรื่องของการบริหารที่ผิดพลาด แต่เป็นการเล่นเกมส์การเมืองในรูปแบบหนึ่งของกลุ่มสามกีบ
เนื่องจากว่า การชี้เป้าให้เห็นความล้มเหลวของ นายอนุทิน จะสอดคล้องกับการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้จัดตั้งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เมื่อวันที่ 12 มี.ค.64 และได้มอบหมายให้ทางด้านของ นายอนุทิน เป็นผู้ดูแลรับผิดชอบ การที่ นายอนุทิน บริหารล้มเหลว ก็จะสามารถโยงไปที่ตัว พล.อ.ประยุทธ์ ด้วยเช่นกัน นี่จึงเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ ที่จะบีบให้ทางด้านของ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องไล่ นายอนุทิน ออกจากตำแหน่ง
ซึ่งหากว่าทางด้านของ พล.อ.ประยุทธ์ ทำตามกระแสของสังคมจริง ก็จะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อย่างแน่นอน นั่นก็คือ ส่งผลให้เกิดความไม่พอใจของ พรรคร่วมรัฐบาลอันดับ 2 อย่าง “พรรคภูมิใจไทย” ซึ่งมีเสียงสูงถึง 61 เสียง และอาจจะเกิดการย้ายฝั่ง ถือว่าเป็นการกดดัน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นอย่างมาก
ทำให้การก้าวเดินครั้งนี้ถือว่าสำคัญมากๆ สำหรับแนวทางของรัฐบาล โดยความเป็นไปได้มีหลายมุม หากว่าต้องให้ นายอนุทิน หลุดจากตำแหน่งจริงๆ ถ้าหากจะทำให้รัฐบาลเดินต่อไปได้นั้น ก็จำเป็นที่จะต้องมีนายกตัวแทน หรือท้ายที่สุดก็คือ “การยุบสภาฯ” เพราะ หากพรรคภูมิใจไทย ย้ายคั่วจริง รัฐบาลก็จะไม่สามารถทำภารกิจต่างๆได้
ซึ่งก็ได้สอดคล้องกับการที่ทางด้านของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ที่ได้พูดถึง การบริหารจัดการของรัฐบาลในสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิดระลอกที่สามในปัจจุบัน โดยได้เปิดเผยที่ทำให้หลายๆคนต่างสงสัยว่า ทำไมธนาธร จึงกล่าวว่า “การยุบสภาเกิดขึ้นก็ไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะสม หากยุบสภาเวลานี้ กว่าที่จะได้รัฐบาลใหม่ขึ้นมาต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามเดือน ในสภาวะวิกฤตเช่นนี้ประเทศจะไม่มีรัฐบาลไม่ได้ แม้ว่าประชาชนจะไม่พอใจรัฐบาลในปัจจุบันก็ตาม” แถมยังได้มีการแนะนำว่า ทางที่ดีที่สุดในตอนนี้คือ “ให้นายกรัฐมนตรีคนใหม่เข้ารับตำแหน่งแทน ซึ่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่นี้ก็ต้องกำหนดให้ชัดเจนว่ามีเพียงสองภารกิจเท่านั้น”
ทั้งนี้จากการสืบค้น แคมเปญรณรงค์เรียกร้องให้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ลาออกนั้น ไม่ได้มีเพียงแค่กลุ่มเดียว และบางกลุ่มก็คือบุคคลที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ ซึ่งใครจะสามารถสร้างแคมเปญรณรงค์ เหล่านี้ขึ้นมาก็ได้ ทั้งนี้ การที่ออกมาเรียกร้องให้ นายอนุทิน ลาออกเพราะความล้มเหลว อาจจะไม่ได้อยู่ที่การแก้ปัญหาของโควิด-19 แต่เป็นการเดินเกมส์การเมืองนอกสภาของกลุ่มที่ไม่พอใจรัฐบาลนั่นเอง