วิกฤติโควิดยังไม่คลายทอท.ดันทุรังสร้างเทอร์มินัล 2 ตัดแปะ?!? ระวังไร้เครื่องลงจอด ซ้ำขัดมติครม. ใครทำต้องรับผิดชอบ!

1803

เคยเตือนแล้วว่า “ความไม่แน่นอนนั้นมีจริง” สถานการณ์ล่าสุดทำช็อกกันไปทั้งประเทศ เมื่อคณะรัฐมนตรีบางส่วน นักการเมือง ดารา พากันติดโควิดเป็นคลัสเตอร์จากสถานที่อโคจรอย่าง ผับบาร์ คาราโอเกะ ปาร์ตี้ ทำภาคเอกชน มีความกังวลสูงต่อการแพร่ระบาดครั้งนี้ เนื่องจากกลุ่มผู้ติดเชื้อเป็นกลุ่มผู้ที่มีชื่อเสียง โอกาสใกล้ชิดประชาชนค่อนข้างมาก ต่างพากันร้องขอให้รัฐบาลเร่งควบคุมการแพร่ระบาดให้มีวงจำกัด รวมถึงบริหารจัดการกระจายการฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุด ส่วนทอท. ที่ยืนยันหนักแน่นจะใช้งบฯกว่า 7 หมื่นล้านขยายอาคารผู้โดยสารสนามบินสุวรรณภูมิ 3 โครงการ โดยเฉพาะเทอร์มินัล 2 ตัดแปะโครงการเดียวใช้เงินกว่า 4 หมื่นล้าน  ล่าสุดก็ได้เปิดเผยว่าปริมาณผู้โดยสาร 2 เดือนแรกปีนี้ วูบกว่า 20 ล้านคน เที่ยวบินลดลง 1 แสนเที่ยว หลังโควิด-19 ยังระบาดต่อเนื่อง กระทบดีมานด์เดินทางทางอากาศ แล้วจะรีบใช้เงินแผ่นดินสร้างหนี้ให้ประชาชนไปเพื่ออะไร?

 

วันนี้มีรายงานข่าวจาก บริษัท ท่าอากาศยานไทย จํากัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยถึงปริมาณการจราจรทางอากาศ ช่วง 2 เดือนแรก (ม.ค.-ก.พ.) ปี 2564 ของ 6 ท่าอากาศยาน ในสังกัด ทอท. ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ, ดอนเมือง, ภูเก็ต, เชียงใหม่, หาดใหญ่ และแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย โดยระบุว่า จากปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2563 ส่งผลกระทบทำให้ปริมาณการเดินทางทางอากาศปรับตัวลดลงอย่างมาก เพราะยังมีการระบาดต่อเนื่อง ทำให้สายการบินยังไม่สามารถเปิดทำการบินได้ตามปกติ

สำหรับภาพรวมปริมาณการจราจรในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ พบว่า มีปริมาณผู้โดยสาร รวมทั้งสิ้น 2,414,209 คน ปรับลดลง 94.82% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยแบ่งเป็น ผู้โดยสารในประเทศ 2,289,739 คน ปรับลดลง 92.65% และผู้โดยสารระหว่างประเทศ 124,470 คน ปรับลดลง 99.20%

อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาจำนวนผู้โดยสารแยกตามท่าอากาศยาน พบว่า ท่าอากาศยานดอนเมืองมีปริมาณผู้โดยสารสูงสุด 894,145 คน ปรับลดลง 94.33% รองลงมา ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 728,215 คน ลดลง 95.64%, เชียงใหม่ 264,675 คน ลดลง 94.54%, ภูเก็ต 208,708 คน ลดลง 96.16%, หาดใหญ่ 197,518 คน ลดลง 91.67% และเชียงราย 120,681 คน ลดลง 92.03%

รายงานข่าว ยังระบุด้วยว่า ปริมาณเที่ยวบินช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ มีปริมาณเที่ยวบินรวมทั้งสิ้น 34,739 เที่ยวบิน ปรับลดลง 91.21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยแบ่งเป็นเที่ยวบินในประเทศ 24,389 เที่ยวบิน ปรับลดลง 90.72% และเที่ยวบินระหว่างประเทศ 10,350 เที่ยวบิน ปรับลดลง 92.18%

โดยท่าอากาศยานที่มีปริมาณเที่ยวบินสูงสุด ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 17,038 เที่ยวบิน ลดลง 88.84% รองลงมา คือ ท่าอากาศยานดอนเมือง 9,744 เที่ยวบิน ลดลง 92.69%, เชียงใหม่ 2,765 เที่ยวบิน ลดลง 92.99%, ภูเก็ต 2,298 เที่ยวบิน ลดลง 94.08%, หาดใหญ่ 1,792 -90.47% และเชียงราย 1,102 เที่ยวบิน ลดลง 90.91%

ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบปริมาณผู้โดยสารในช่วง 2 เดือนแรกกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จะเห็นว่าปริมาณผู้โดยสารปีนี้ลดลงเหลือกว่า 2 ล้านคน ผู้โดยสารหายไปราว 20 ล้านคน เมื่อเทียบกับช่วง 2 เดือนของปีก่อนที่ปริมาณรวม 22 ล้านคน ส่วนปริมาณเที่ยวบินช่วง ม.ค.-ก.พ.ปีนี้ ลดลงจากปีก่อนกว่า 1 แสนเที่ยว โดยปีก่อนมีปริมาณเที่ยวบินรวม 1.43 แสนเที่ยวบิน

ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น สะท้อนภาวะการท่องเที่ยวใช่จะฟื้นคืนปกติได้ง่ายดายอย่างที่ทุกฝ่ายคาดหวังทั้งทีมเศรษฐกิจรัฐบาล ทั้งภาคเอกชน เพราะความจริงที่ประจักษ์ชัดคือ การระบาดโควิด-19 ยังไม่จบ มีการระบาดใหม่ในหลายแห่งทั่วโลก การเปิดท่องเที่ยวเดินทางจะถูกจำกัดไม่เปิดกว้าง ฉะนั้นการคาดหวังว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับเข้ามาเที่ยวจำนวนมากนั้นอาจไม่เป็นไปตามเป้าหมาย  แม้ประเทศมหาอำนาจที่กักวัคซีนไว้ใช้เองก็ต้องทบทวนใหม่ เพราะโควิดระบาดใหม่เป็นสายพันธุ์กลายพันธุ์ ที่อาจไม่สอดคล้องกับวัคซีนที่ผลิตก่อนหน้านี้ ปราบตัวเก่าได้ แต่ไม่แน่จะปราบตัวใหม่กลายพันธุ์  ป่วนกันไปทั้งโลกแบบนี้ประเทศไทยต้องตั้งสติ  การพึ่งตนเองด้วยการ์ดสูงไว้ก่อนจำเป็นมาก ขณะเดียวกันเรื่องจะเปิดประเทศก็ต้องพิจารณาให้รอบคอบ แต่ใช่ว่าจะทำไม่ได้  การบริหารเม็ดเงินในโครงการเม็กกะโปรเจ็กต์ก็ต้องรอบคอบ ไม่ปล่อยให้เกิดความเสียหายเพียงเพราะปัญหาการเมืองซ้ำซากเช่นในอดีต!

สถานการณ์เป็นเช่นนี้ ต้องจับตาดูต่อไปว่า ทอท.ยังจะเร่งสร้างเทอร์มินัล2 ตัดแปะอีกหรือไม่? นายกรัฐมนตรีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาจะเพิกเฉยทั้งที่สามารถระงับยับยั้งได้อีกหรือไม่ เชื่อว่าองค์กรต้านทุจริตยังไม่วางมือ!