หลังจากที่ “ติ๊ก เจษฎาภรณ์” พิธีกรชื่อดัง ได้ร่วมรายการ The MATTER x จอมขวัญ ภายใต้ชื่อรายการ #มาเถอะจะคุย โดยได้พูดคุยกับจอมขวัญ ในเรื่องไฟป่าเชียงใหม่ และเรื่องรุกที่ป่า
ซึ่งมีประโยคหนึ่งที่ “ติ๊ก เจษฎาภรณ์” พูดว่า “ถ้าเราไม่อยากให้เขาเผาป่าหรือบุกรุกป่าควรดูเหตุผล ของเขาด้วย ถ้าเขามีอาชีพเลี้ยงปากเลี้ยงท้องได้ มีสวัสดิการที่ดีคงไม่มีใครอยากจะไปเผาป่า”
จนทำให้เกิดประเด็นที่สังคมตั้งคำถามตามมาว่า ถ้าติ๊กจะพูดเรื่องการรุกป่า ข่าวดังอย่างเคส “แม่ธนาธร” รุกป่า ทำไมถึงไม่พูดด้วย และยังมีคอมเม้นต์ตามมาอีกมากมายว่า ทำไมเจ้าตัวไม่พูดให้เคลียร์ เรื่องรุกที่ป่า ถ้าจะพูด อย่าพูดความจริงครึ่งเดียว
เช่น ก็จริงนะคะ เพราะแบบนี้ไง ในหลวงร. 9 ถึงมีโครการหลวงต่าง ๆ ขึ้นมา
ซึ่งมันเป็นหน้าที่กษัตริย์เหรอ ก็ไม่ หน้าที่ใคร ไม่ทำกัน
พี่ติ๊กคือดาราในดวงใจ ติดตามผลงานพี่ตลอด… อยากจะบอกไปยังพี่ติ๊กว่า… ชาวบ้านบางคน/บางพื้นที่เขาเผาป่าเพื่อ…
1.ให้ผักหวานมันแตกยอด…
2.เผาเพื่อเตรียม พื้นที่ทำไร่…
เขาจะนัดกันไปทำแนวกันไฟก่อนทำการเผา อันนี้ที่หมู่บ้านของฉันค่ะ
วิถีชีวิตชาวบ้านเขาค่ะ ไม่ใช่ทำเพียงเพราะความยากจนนะคะ มันคืออาชีพ/และวิถีชาวบ้านค่ะ
แนะนำไปศึกษาวิถีชีวิตชาวบ้านก่อนเอามาวิพากษ์นะคะ พี่ติ๊กหน้าหยกหล่อตลอดกาล
ถูกครึ่งเดียวค่ะ มีอีกหลายร้อยหลายพันครอบครัวที่เขาไม่ต้องทำลายป่าก็ยังสามารถดำรงชีพได้อย่างมีความสุข
บางทีอาชีพอื่นอาจจะไม่ตอบโจทย์ความโลภของพวกเขาก็แค่นั้น
หมดกัน อุตส่าห์เข้าป่ามาตั้งนาน แสดงว่าคุณไม่เข้าใจอะไรเลย เสียค่าน้ำมันรถป่าว ๆ
หากินกับการถ่ายทำสารคดีเกี่ยวกับป่า ดันมองเหตุและผลของการไม่เผาป่าไม่เจอ
เข้าป่าเป็นสิบปี ตื้นเขินได้ขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย
อย่างไรก็ตามในเรื่องแง่คิดการรุกที่ป่า หลาย ๆ คอมเม้นต์ต้องการสะท้อนมุมมองกลับไปหาพิธีกรชื่อดังว่า มีชาวบ้านจำนวนมาก เข้าป่าเพื่อหารายได้ แต่นายทุนเผาป่าทำลาย จนเกิดไฟป่า รุกที่ป่า และปัญหาฝุ่นควันตามมา ถ้าจะแก้ ต้องจี้ให้ถูกจุด ไม่ใช่โทษรัฐว่าไม่ดูแลสวัสดิการ และโทษชาวบ้าน นอกจากนี้ยังพบว่าเมื่อปี 2554 “ติ๊ก เจษฎาภรณ์” เคยถูกแจ้งจับในคดีรุกที่ป่า เพื่อถ่ายทำรายการของตนเอง
โดยข่าวระบุว่า เจ้าของรายการเนวิเกเตอร์ ที่ผลิตออกออกกาศทางช่อง 3 ได้ทำเรื่องขออนุญาตทางการเข้าไปถ่ายทำรายการในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว (ทุ่งกะมัง) อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ เพื่อนำมาออกอากาศต่อเนื่อง แต่ปรากฏว่ารายการดังกล่าวต้องถูกระงับเนื่องจากทางรายการผิดเงื่อนไขข้อตกลงเข้่าไปถ่ายทำในจุดที่ทางการห้าม โดยเฉพาะ “ภูคิ้ง” เพราะพื้นที่นี้เป็นจุดเปราะบาง
ด้านดร.กาญจนา นิตยะ นักวิทยาศาสตร์ชำนาญการพิเศษ หัวหน้าเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าภูเขียว (ทุ่งกะมัง) อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ เปิดถึงสาเหตุที่ต้องขอระงับการออกอากาศของรายการเนวิเกเตอร์ เนื่องจากได้ละเมิดข้อตกลง ทางรายการเนวิเกเตอร์ได้เข้าไปถ่ายทำในโซนที่หวงห้ามคือ ภูคิ้ง ด้านอ.เกษตรสมบูรณ์ จ.ชัยภูมิ ซึ่ง พรบ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า 2535 ไม่สามารถให้ใครเข้าไปได้ แม้กระทั่งนักท่องเที่ยวหรือทำการใด ๆ แม้สุดท้ายแล้ว ทางด้านอัยการได้มีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง เพราะเห็นว่าเจรจากันแต่ แต่อีก 2 ข้อหา ที่รายการโดนแจ้ง คือบุกรุกพื้นที่ป่า ทีมงานยอมรับว่ามีการเข้าไปจริง ซึ่งผู้แจ้งไม่ได้ติดใจเอาโทษเพิ่มเติม
ส่วนข้อหาฝ่าผืนคำสั่งเจ้าพนักงาน ผู้แจ้งก็ไม่ได้ระบุวัน เวลา ว่าเป็นเวลาฝ่าฝืนช่วงใด ตำรวจ และเห็นอัยการจังหวัดชัยภูมิ จึงมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องคดีนี้ แต่ถือว่าทางรายการและตัวของติ๊ก ทราบดีว่าได้ทำความผิดลงไป ดังนั้นการพูดเรื่องรุกที่ป่า เผาป่า สังคมจึงเกิดคำถามว่า หากจะพูด ต้องพูดความจริงทั้งหมด อย่าย้อนแย้ง