หมอเหรียญฯพบเลขาศาลวันนี้บี้ปมรุ้ง ขณะ19 แกนนำม็อบมาฟังคำสั่งฟ้องผิดม.112

3425

เป็นวันที่ต้องจับตาอย่าได้กระพริบไม่ว่าอัยการสั่งฟ้อง 19 แกนนำม็อบข้อหาหมิ่นสถาบัน และจะนำตัวไปฝากขัง ที่ต้องลุ้นว่าจได้ประกันตัวหรือไม่ ขณะวันเดียวกันคนจริงอย่างหมอเหรียญทอง ก็นัดเลขาศาลยุติธรรมเพื่อให้ตรวจสอบกรณีรุ้งอ้างศาลเป็นพวกเดียวกับม็อบด้วย???

ขณะที่มีรายงานว่า นายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุถึงการนัดส่งฟ้องคดีของแกนนำและแนวร่วมม็อบราษฎรว่า ร่วมกันจับตาดูพนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม จะส่งตัวผู้ต้องหาแกนนำและผู้ชุมนุม คดี 19 กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร จำนวนทั้งหมด 19 คน ในข้อหามาตรา 112 บางส่วน บางคน และข้อหามาตรา 116 ทุกคน ให้กับพนักงานอัยการ

หากพนักงานอัยการสั่งฟ้องและศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวทุกคนจะต้องถูกขังและส่งตัวเข้าเรือนจำทันที พบกันพรุ่งนี้เวลา 10.00 น. ที่ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 7 (รัชดาภิเษก)

สำหรับรายชื่อผู้ต้องหาได้แก่ “รุ้ง” ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล, “ไมค์” ภาณุพงศ์ จาดนอก, “ไผ่” จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา, ชินวัตร จันทร์กระจ่าง, “จัสติน” ชูเกียรติ แสงวงศ์, ธนชัย เอื้อฤาชา, “ครูใหญ่” อรรถพล บัวพัฒน์, ณวรรษ เลี้ยงวัฒนา, สุวรรณา ตาลเหล็ก, ภัทรพงศ์ น้อยผาง, ณัทพัช อัคฮาด, ณัฐชนน ไพโรจน์, ธานี สะสม, อดิศักดิ์ สมบัติคำ, สิทธิทัศน์ จินดารัตน์, “ฟอร์ด” อนุรักษ์ เจนตวนิชย์, ธนพ อัมพะวัต และ “แอมมี่” ไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธ์

ล่าสุด พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ และผู้ก่อตั้งองค์กรเก็บขยะแผ่นดิน ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก แจ้งถึงความคืบหน้าในการเดินทางเข้าพบเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรมว่า

“บ่ายวันนี้ 17 ก.พ.64 ผมจะเข้าพบเลขาธิการ สำนักงานศาลยุติธรรมพร้อมหนังสือเพื่อขอให้นำความกราบเรียนประธานศาลฎีกาและคณะกรรมการตุลาการ(กต) เพื่อการตรวจสอบคุณสมบัติผู้พิพากษาในการป้องกันไม่ให้มีผู้พิพากษาที่มีทัศนะคติ ค่านิยม ตลอดจนพฤติกรรมอันเป็นแนวร่วมอริราชศัตรูซึ่งจะส่งผลต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นความมั่นคงของชาติโดยผมจะยึดถือลักษณะต้องห้ามในการเป็นผู้พิพากษาตามกฎหมายดังต่อไปนี้

  1. ประมวลจริยธรรมข้าราชการตุลาการ ข้อ 33 ที่กำหนดว่า “ผู้พิพากษาจักต้องสนับสนุนการปกครองระบอบประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญซึ่งมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขแห่งรัฐ” ดังนั้นผู้พิพากษาจะปล่อยให้มีการยกเหตุแห่งสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกแต่ส่งผลกระทบต่อการบั่นทอนการปกครองระบอบประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญซึ่งมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขแห่งรัฐไม่ได้โดยเด็ดขาด ไม่ว่าจะในขั้นตอนของศาลในการขอประกันตัว หรือขั้นตอนในการออกคำสั่งใดๆของศาล จนถึงการพิจารณาอรรถคดีตามกระบวนการยุติธรรมอันเป็นที่สุด
  2. พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม พ.ศ.2543 มาตรา 26 ที่บัญญัติคุณสมบัติข้าราชการฝ่ายตุลาการว่า “ต้องเป็นผู้เลื่อมใสในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญด้วยความบริสุทธิ์ใจ” ระบอบประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยนั้นมีบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์ตลอดจนการปกป้องพระมหากษัตริย์ ดังนั้นผู้พิพากษาจึงต้องเข้มงวดและจริงจังในบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับการปกป้องพระมหากษัตริย์จึงจะถือว่าเป็นผู้เลื่อมใสและบริสุทธิ์ใจต่อระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ
  3. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 191 บัญญัติคำปฎิญาณของผู้พิพากษาไว้ว่า “ข้าพระพุทธเจ้า (ชื่อผู้ปฏิญาณ) ขอถวายสัตย์ปฏิญาณว่า ข้าพระพุทธเจ้าจะจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และจะปฏิบัติหน้าที่ในพระปรมาภิไธยด้วยความซื่อสัตย์สุจริตโดยปราศจากอคติทั้งปวงเพื่อให้เกิดความยุติธรรมแก่ประชาชน และความสงบสุขแห่งราชอาณาจักร ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและกฎหมายทุกประการ”

ดังนั้นผู้พิพากษาจึงต้องจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และปฏิบัติหน้าที่ในพระปรมาภิไธยด้วยความซื่อสัตย์สุจริตโดยปราศจากอคติทั้งปวง ทัศนะคติ ค่านิยม ตลอดจนพฤติกรรมที่เป็นไปในแนวทางเดียวกันกับอริราชศัตรูจะนำมาซึ่งอคติ และส่งผลให้การปฏิบัติหน้าที่ในพระปรมาภิไธยไม่เป็นไปด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ทั้งจะนำมาซึ่งผลของการพิจารณาคดีที่จะนำมาซึ่งความไม่สงบสุขแห่งราชอาณาจักรส่งผลต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

เนื่องจากภัยคุกคามต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อันเนื่องจากทัศนะคติและค่านิยมของสังคมไทยในปัจจุบันได้ปรากฎต่อสาธารณะอย่างเป็นรูปธรรม ร้ายแรงจนถึงกับประกาศประทุษร้ายพระมหากษัตริย์ในที่ชุมนุมสาธารณะ หลายครั้งหลายครา หากทุกสังคมไม่จริงจังหรือเอาใจใส่สังคมที่ตนเกี่ยวข้องแล้ว สถานการณ์ภัยคุกคามต่อสถาบันพระมหากษัตริย์จะทวีความรุนแรงจนเป็นเหตุแห่งความไม่สงบสุขแห่งราชอาณาจักรไทยและอาจเกิดการสูญเสียชีวิตของคนในชาติ ด้วยเหตุผลดังความที่กล่าว

ผมจะขอความกรุณาจากเลขาธิการ สำนักงานศาลยุติธรรม ได้โปรดนำความกราบเรียนประธานศาลฎีกา และคณะกรรมการตุลาการ ได้โปรดประชุมหารือหรือพิจารณาหาหนทางดำเนินการตรวจสอบทัศนะคติ ค่านิยม ตลอดจนพฤติกรรมของผู้พิพากษาทุกนายในสังกัดศาลยุติธรรมโดยทั่วราชอาณาจักรเพื่อให้ศาลยุติธรรมปราศจากมลทินจากการมีผู้พิพากษาที่มีทัศนะคติ ค่านิยม ตลอดจนพฤติกรรมที่เป็นไปในแนวทางเดียวกันกับอริราชศัตรูซึ่งจะทำให้ผู้พิพากษากลายเป็น ‘แนวร่วมของอริราชศัตรู’ ดังคำปราศรัยของ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ตามที่สถานีว๊อยซ์ทีวิเผยแพร่

หากได้ดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติผู้พิพากษาแล้วพบว่ามีผู้พิพากษาที่มีทัศนะคติ ค่านิยม ตลอดจนพฤติกรรมที่เป็นไปในแนวทางเดียวกันกับอริราชศัตรูแล้วได้โปรดดำเนินการตามประมวลวินัยหรือกฎระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง ทั้งการปรับย้าย ให้ออก หรือไล่ออกให้พ้นไปเสียจากสังคมตุลาการโดยมิชักช้า ทั้งนี้ได้โปรดลำดับความสำคัญและเร่งด่วนในกลุ่มผู้พิพากษาที่ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับคดีความมั่นคงและความสงบสุขแห่งราชอาณาจักร โดยเฉพาะคดีความที่เกี่ยวเนื่องกับการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพแห่งองค์พระมหากษัตริย์

ข้อเสนอดังกล่าวจะนำมาซึ่งความเชื่อมั่นศรัทธาต่อศาลยุติธรรมในการธำรงไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ผมจะรายงานผลจากการเข้าพบเลขาธิการ สำนักงานศาลยุติธรรม ให้สาธารณชนทราบในโอกาสต่อไป”

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่13 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา นายแพทย์เหรียญทอง ได้ออกมาโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าตนเองลบหลู่ดูหมิ่นเหยียดหยามศาลหรือไม่ โดย“หมอเหรียญทอง” ได้ออกมาระบุข้อความบางช่วงว่า

“มีคนบอกผมให้ระวังศาลจะมีคำสั่งถึงผม ผมขอเรียนว่า นั่นคือ สิ่งที่ผมต้องการครับ เพราะผมต้องการพบศาลเสียด้วยซ้ำ บางท่านอาจจะเข้าใจผิด คิดว่าผมลบหลู่ดูหมิ่นเหยียดหยามตุลาการหรือศาล ผมขอเรียนว่า ผมปกป้องตุลาการที่ดีๆ ไม่ให้แปดเปื้อนต่างหากครับ แต่ผมขอดูหมิ่นเหยียดหยามตุลาการเลวๆ ที่เป็นแนวร่วมอริราชศัตรู ผมยึดถือพระบรมราโชวาทของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ในการส่งเสริมคนดีและควบคุมคนไม่ดีไม่ให้สร้างความวุ่นวายนะครับ…สังคมตุลาการผู้พิพากษาก็เช่นกัน

ผมขอเรียนว่า ผมปกป้องตุลาการหรือศาลมาโดยตลอดและเป็นรูปธรรม ผมไม่สบายใจหากมีตุลาการหรือผู้พิพากษาที่มีทัศนะหรือแนวความคิดที่เป็นแนวร่วมอริราชศัตรู ดังเช่น ตุลาการชั่วที่ฆ่าตัวตายไปแล้ว ที่มีทัศนะหรือแนวความคิดที่เป็นแนวร่วมอริราชศัตรู ดังนั้น ในสัปดาห์หน้าหลังตรุษจีนแล้ว ผมจะขอเข้าพบเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม โดยไม่ต้องรอให้มีคำสั่งศาลถึงผม

ทั้งนี้ เพื่อขอความกรุณาจากเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรมเพื่อนำเรียนคณะกรรมการตุลาการ (กต) ได้โปรดดำเนินการให้มีการทบทวนตรวจสอบคุณสมบัติของตุลาการหรือผู้พิพากษาในระบบยุติธรรมทุกคนทั่วราชอาณาจักรว่ามีผู้ใดที่มีคุณสมบัติอันเป็นลักษณะต้องห้ามแล้วดำเนินการปลดหรือไล่ออกเสียโดยเร็ว”

นั่นคือข้อความของหมอเหรียญทอง ที่ต้องบอกถึงความจำเป็นในการเดินทางเข้าพบเลขาสำนักงานศาลยุติธรรมในวันนี้ ซึ่งเพื่อสังคมได้รับทราบข้อเท็จจริงอย่างที่ รุ้ง กล่าวอ้างหรือไม่ รวมทั้งในวันเดียวกันแกนนำม็อบก็ต้องลุ้นกันว่า อัยการจะสั่งฟ้อง และศาลให้ประกันตัวหรือไม่ หากไม่เช่นนั้นทั้งหมดก็จะตามเข้าไปนอนเรือนจำเหมือน 4 แกนนำก่อนหน้านี้!!