สืบเนื่องจากกรณีที่ นายอานนท์ นำภา ทนายความสิทธิมนุษยชน และแกนนำม็อบคณะราษฎร เป็นอีกหนึ่งคนที่มีการเสนอปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงสถานการณ์การเคลื่อนไหวและการดำเนินคดีโดยเฉพาะคดีหมิ่นประมาทสถาบันพระมหากษัตริย์ ตาม ม.112 ที่ทั้งตัวนายอานนท์เอง และแกนนำกลุ่มที่เรียกร้องปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ถูกฟ้องร้องจำนวนมาก
อานนท์ เปิดเผยอ้างว่า หลังจากนี้ถ้ามีการออกหมายจับด้วยมาตรา 112 ศาลจะไม่ให้ประกันตัว
ทั้งนี้ โพสต์ดังกล่าวระบุว่า จากแหล่งข่าวของตนระบุ ศาลถูกกดดันอย่างหนักเพื่อให้ขังพวกตนด้วย ม.112 ให้ได้ โดยอานนท์ อ้างด้วยว่าคนที่เคลื่อนไหวกดดันนั้นคือ ญาติและเป็นคนสนิท… ซึ่งอานนท์ ตั้งคำถามว่า ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ “จะให้เราตีความว่านี่คือการส่งข้อความอ้อม ๆ จาก…ผ่านทางญาติคนนั้นได้หรือไม่
อานนท์ อ้างแหล่งข่าวต่อว่า หลังจากนี้ ถ้ามีการออกหมายจับราษฎรด้วย ม.112 และไม่ให้ประกันตัว ก็ให้เข้าใจว่า ศาลได้แบกภาวะความกดดันนี้ไม่ไหวแล้ว
ประเมินสถานการณ์การเคลื่อนไหวเพิ่มเติมจากจากปรากฏการณ์ใช้ความรุนแรงจากตำรวจในการจับกุมและการขยายวงการแจ้งข้อหา การเล่นงานคนที่ยืนข้างฝ่ายราษฎรอย่างหนักหน่วง เพราะเขามองว่าฝ่ายราษฎรไม่สามารถแสดงพลังกดดันในช่วงนี้ได้ พวกตนไม่สามารถชุมนุมกดดันที่มีพลังขนาดใหญ่เหมือนปีที่แล้วได้
“ขอให้เพื่อน ๆ ทุกคนตั้งสติ รับมือการใช้อำนาจทั้งในและนอกกฎหมายทุกรูปแบบ และตอบโต้การกระทำนั้นตามสมควรโดยยึดหลักไม่ใช้ความรุนแรง เราต้องยืนหยัดให้ผ่านช่วงเวลาวิกฤตนี้ไปให้ได้ ยืนระยะให้ได้ เมื่อถึงเวลา เราจะออกมายืนเคียงบ่าเคียงไหล่กันอีกครั้ง และสู้ให้สมศักดิ์ศรีของความเป็นคนที่เท่าเทียมกันกับพวกมัน”
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ล่าสุด นายปกรณ์ พรชีวางกูร หรือ บุ๊ง พ่อค้าเขียงหมูนักเคลื่อนไหวทางการเมือง และท่อน้ำเลี้ยงม็อบราษฎร ที่เพิ่งโดนตำรวจออกหมายเรียกข้อหา “ไม่ได้แจ้งการชุมนุมฯ” มาตรา 10 ของ พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า “ตอนนี้เรื่องที่กังวลคงเป็นเรื่องที่อานนท์มันพูดนั้นละ ก็มีความเป็นไปได้สูงที่คนโดน 112 จะถูกฝากขัง แล้วประกันตัวยาก เรื่องนั้นก็เรื่องนึง
แต่อีกเรื่องที่น่าห่วงก็คือ ถ้าหัว ๆ โดนกันหมด แนวร่วมที่อยู่ด้านนอกจะทำไง มันจะเหมือนตอนม็อบออแกนิคที่ไม่มีแกนนำแล้วทุกอย่างมันคุมไม่ได้ ม็อบจะเกิดขึ้นเยอะไปหมด กลัวจะตีกันแล้วบานปลาย ฝากไปถึงฝ่ายความมั่นคงนะครับ อย่าคิดทำอะไรแบบนั้นเลย การที่ยังมีแกนนำอยู่นอกคุก สถานการณ์ยังไง ๆ ก็ดีกว่าตอนที่แกนนำอยู่ในคุกแน่นอน”
สำหรับคดีดังกล่าว พนักงานสอบสวนสน.พหลโยธิน มีการออกหมายเรียกแกนนำและผู้ขึ้นปราศรัยในการชุมนุมจำนวน 9 ราย ได้แก่
1.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง
2.ภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์
3.อรรถพล บัวพัฒน์ หรือ ครูใหญ่ขอนแก่น
4.นันทพงศ์ ปานมาศ
5.พรหมศร วีระธรรมจารี
6.สหรัฐ สุขคำหล้า หรือ สามเณรโฟล์ค
7.อานนท์ นำภา
8.ไชยอมร แก้ววิบูลพันธุ์ หรือ แอมมี่ เดอะบอตทอมบลูส์
และ 8.จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน
ทั้งหมดนี้ถูกแจ้งข้อกล่าวหาจำนวน 4 ข้อหา ได้แก่ 1.ข้อหาฝ่าฝืนข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ 2.ข้อหาไม่แจ้งการชุมนุมสาธารณะ ตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ 3.ข้อหาใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต และ 4.ข้อหากีดขวางทางสาธารณะ จากการจัดชุมนุม #27พฤศจิกาไปห้าแยกลาดพร้าว โดยระบุว่าเป็นม็อบซ้อมต้านรัฐประหารที่บริเวณห้าแยกลาดพร้าว เมื่อวันที่ 27 พ.ย. 2563
ต่อมา มีผู้ได้รับหมายเรียกจากสน.พหลโยธิน ลงวันที่ 28 ม.ค. 2564 เพิ่มเติมอีก 7 ราย โดยให้ไปรับทราบข้อกล่าวหา “ร่วมกันจัดการชุมนุมโดยไม่ได้แจ้งการชุมนุมต่อผู้รับแจ้งไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง และไม่แจ้งการผ่อนผันการชุมนุมดังกล่าวฯ” ซึ่งเป็นข้อหาตามมาตรา 10 ของ พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 โดยหมายระบุให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 10 ก.พ. 2564 เวลา 10.00 น.
จากการตรวจสอบพบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการออกหมายเรียกบุคคลเพิ่มทั้งหมด 7 ราย ได้แก่
1.ปกรณ์ พรชีวางกูร หรือ บุ๊ง ท่อน้ำเลี้ยงม็อบ
2.ธนายุทธ ณ อยุธยา หรือ บุ๊ค แร็ปเปอร์จากวง Eleven Finger
3.รพีพร ตันตระกูล หรือ “ลูกพีช” นักร้อง อดีตผู้ประกวดในรายการ The Voice Thailand ซีซั่น 2
4.จิรายุ สูตรไชย นักร้องหมอลำวง “กู่แคน” เจ้าของฉายา “ก้องศิลป์ ฟ้าล่วงบน”
5.ปนัดดา ศิริมาศกูล นักศึกษาผู้ร่วมเป็นพิธีกรในงานชุมนุมดังกล่าว
6.สุวรรณา ตาลเหล็ก จากกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย
7.วีระวิชญ์ รุ่งเรืองศิริผล
สำหรับม็อบซ้อมต้านรัฐประหาร ที่ห้าแยกลาดพร้าว เมื่อวันที่ 27 พ.ย. 2563 โดยผู้ชุมนุมใช้เป็ดยางสีเหลือง ตุ๊กตายางรูปเอเลี่ยน นกยูง ม้ายูนิคอน พิซซ่ายาง และดาบยาง เป็นตัวแทนคณะรัฐประหาร
อย่างก็ตาม สำหรับ นายปกรณ์ พรชีวางกูร หรือ บุ๊ง เป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตาของม็อบคณะราษฎร ในฐานะผู้ประกาศตัวเป็นท่อน้ำเลี้ยง ร่วมกับ ทราย เจริญปุระ ที่ช่วงหลัง ๆ มีดราม่าหนักหน่วงขึ้นเรื่องทะเลาะกันเองในม็อบบ้าง ม็อบมีเจ้าของบ้าง หรืออมเงินในม็อบบ้าง เป็นต้น
โดยย้อนกลับไปช่วงกลางเดือนธันวาคม นายปกรณ์ประกาศผ่านทางเฟซบุ๊กว่า ได้ยุบการ์ดคณะราษฎรทุกกลุ่มแล้ว พร้อมเปิดรับสมัคร สตาฟฟ์ราษฎร และ หน่วยสันติวิธี เข้ามาทำหน้าที่แทน โดยแต่งตั้ง รุ้ง ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล เป็นโฆษกกลุ่มราษฎรอย่างเป็นทางการ นำไปสู่เสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงภายในมวลชนกลุ่มราษฎร โดยเฉพาะการ์ดกลุ่มต่าง ๆ ที่เคยทำหน้าที่ดูแลการชุมนุมมาตลอดปี 2563 จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาด้วย ว่าเกิดการทะเลาะกันเองในกลุ่มม็อบคณะราษฎร
