ป๋ากิ๊ก ฟาดปาก พวกห้อยโหน จุ้น รัฐประหารเมียนมา ข้างบ้านตีกัน เวลาเขาดีกันระวังจะเป็นหมา!?!

1903

ป่ากิ๊ก ฟาดปาก พวกห้อยโหน จุ้น รัฐประหารเมียนมา เรียกร้องแทนเขา เทียบเหมือนข้างบ้านตีกัน เวลาเขาดีกันระวังจะเป็นหมา!?!

จากกรณีเมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2564  อองซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐ, อู วินมิ่นท์ ประธานาธิบดีเมียนมา และผู้นำคนอื่น ๆ ได้ถูกควบคุมตัวโดยกองทัพเมียนมา ต่อมาได้มีการจับกุม อองซาน ซูจี ในช่วงที่กำลังเกิดความตึงเครียดระหว่างรัฐบาลพลเรือนกับกองทัพเมียนมา ท่ามกลางกระแสข่าวว่าอาจเกิดการรัฐประหารโดยกองทัพเพื่อล้มรัฐบาล โดยทางกองทัพเมียนมา ประกาศ สถานการณ์ฉุกเฉิน เสมือนเป็นการยึดอำนาจ แล้ว ตั้ง “รองปธน. Myint Swe” เป็น ประธานาธิบดี คุมอำนาจ 1 ปี

ต่อมากลุ่มคนเมียนมาในประเทศไทย โดยมีการชุมนุมที่หน้าสถานเอกอัครราชทูตเมียนมาประจำประเทศไทย ถนนสาทรเหนือ เพื่ออ่านแถลงการณ์แสดงความไม่เห็นด้วยต่อการทำรัฐประหารในเมียนมา และเรียกร้องให้ปล่อยตัวนางอองซานซูจี โดยมีกลุ่มคณะราษฎร นำโดยเพนกวิน พริษฐ์ และ รุ้ง ปนัสยา นอกจากนี้ ยังมีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และช่อ พรรณิการ์ ร่วมสังเกตการณ์ในการชุมนุมครั้งนี้ด้วย ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด -19 โดยทางรัฐบาลประกาศใช้มาตรการควบคุมการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่กรุงเทพมหานครเป็นพื้นที่ควบคุมสูง (สีแดง) ที่ห้ามจัดการรวมตัวใดๆ ที่มีคนจำนวนมาก โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ยานนาวา ดูแลความสงบเรียบร้อย

ก็ได้เกิดเหตุปะทะกัน ระหว่างกลุ่มการ์ดวีโว่และเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ประกาศขอให้ทางกลุ่มยุติ แต่การ์ด wevo ของม็อบราษฎรที่นำโดยนายปิยรัฐ จงเทพ หรือโตโต้ ไม่ยอมเลิกทั้งยืนกรานจะชุมนุมต่อ จากนั้นทางกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชน พร้อมโล่และกระบองจึงได้เข้าสลายการชุมนุมม็อบราษฎร มีการขว้างปาสิ่งของใส่เจ้าหน้าที่ และได้เกิดเสียงคล้ายระเบิดดังขึ้น มีเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน บาดเจ็บ 2 นาย

ต่อมาทางด้านผู้ใช้เฟซบุ๊ก Paul McIntosh ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีการเกิดรัฐประหารในประเทศเมียนมา โดยระบุข้อความว่า

รัฐประหารที่พม่า…. กะลาประชาธิปไตยก็ยังโหนกัน
มีขาประจำ “จอมเเซะหัวกระเซิง” เรียนน้อย แต่มั่นใจผิดว่าตนรู้เยอะ ตะโกนถามอย่างมาดมั่น ในคำถามที่คิดว่าฉลาด… “กองเชียร์ประยุทธ์รู้สึกอย่างไร” ผมซึ่งถูกชี้หน้ายัดเยียดให้เป็นสลิ่มเสมอ … ขอใช้สิทธิ์ในการพาดพิงตอบว่า…
รู้สึกว่า….ประเทศไทย โชคดีมากที่มีสถาบันพระมหากษัตริย์ บารมี และอำนาจเดียว ที่เป็นจุดสร้างสมดุลของทุกสิ่งทุกอย่างในแผ่นดิน นักการเมือง… ไม่กล้าเลวจนเกินงาม เพราะเกรงขามในอำนาจ และพระบารมี นักรัฐประหาร… ไม่กล้าแตะต้อง ไม่กล้ารุนแรงกับประชาชนของพระราชา
ทุกครั้งที่ทำการสำเร็จ จะต้องเข้าไปขอพระราชทานอภัยโทษ … ขอพระราชอำนาจมาใช้ชั่วคราว เพื่อจะได้บริหารบ้านเมืองได้ … จนกว่าจะมีรัฐธรรมนูญใหม่ และต้องรีบคืนอำนาจนั้น จนเป็นที่มาของความพยายามบิดเบือน ว่าสถาบันอยู่เบื้องหลังรัฐประหาร ซึ่งไม่เป็นความจริง ถ้าไม่มีสถาบัน… ไม่มีสิ่งที่ผู้ใดเคารพยำเกรง และไม่มีความเกรงใจ …คนที่ถืออาวุธอาจไล่ล่าคนเห็นต่าง… ทำลายล้างชีวิต โดยไม่สนใจสิ่งใด
ไม่มีอะไรการันตี … ว่าไม่มีสถาบันแล้วจะไม่มีรัฐประหาร … ตราบใดประเทศยังมีผลประโยชน์ มีการเข้าถึงอำนาจ…. และทหารยังมีปืน ประเทศอาจจะไม่มีรัฐประหารหลายครั้ง แต่มีสิทธิจะเป็นครั้งเดียวที่ลากยาวนานหลายสิบปี
อย่าหวังว่าเมื่อเป็นแบบนั้น ต่างชาติจะมาช่วย เพราะถ้าไม่มีผลประโยชน์ใด…… จะมีใครต้องมาเหลียวแล …
หรือถ้ามาก็ต้องการจะมาสูบผลประโยชน์คืนกลับไปจนเกินคุ้ม เรามีสิ่งดีงาม … ดูแลประเทศให้ค่อยๆ เดินก้าวไปอย่างมั่นคงอยู่แล้ว เพียงอย่าหลงคารมนักการเมือง …เล่นการเมือง… เชียร์การเมือง .. เเค่ระดับการเมือง
อย่ายุ่งเกี่ยวกับสถาบัน… เหมือนที่พรรค (อะ)ไรพยายามทำกัน เพราะไม่ว่ายุคสมัยใด …หรือเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งไหนอย่างไร …คนที่ได้ประโยชน์สูงสุด…. ไม่เคยจะเป็น.. ประชาชน

ต่อมาทางด้าน ป๋ากิ๊ก เกียรติ กิจเจริญ นักแสดงและพิธีกรชื่อดัง ได้แชร์บทความดังกล่าว พร้อมกับแสดงความคิดเห็นว่า ว่าด้วยเรื่องรัฐประหารที่เมียนมาร์ ส่วนตัวผมคิดว่าอย่าไปยุ่ง อย่าไปเรียกร้องแทนเขาเลยนะ ให้ฝุ่นมันจางก่อนไม๊? เดี๋ยวก็เห็นว่าอะไรเป็นอะไร… หรือรอให้เค้าเรียกให้ช่วยก่อน ก็ยังดี มันก็เหมือนคนข้างบ้านเค้าตีกันอ่ะ พอเค้าดีกันเราจะหมานะ…

บทความของคุณ

Paul McIntosh

มาอีกแล้ว ลองอ่านกันดูครับ ยาวนิดนึงแต่เขียนดีครับ

ซึ่งก่อนหน้านี้ทางพรรคก้าวไกล ก็ได้ออกมาแถลงการณ์เกี่ยวกับกรณีการเกิดรัฐประหารในเมียนมา โดยเปิด 3 ข้อเรียกร้องคือ เรียกร้องให้ช่วยกันกดดันกองทัพเมียนมาให้ปล่อยตัวนางซู จี ที่ปรึกษาแห่งรัฐ, ประธานาธิบดีวิน มินต์, และผู้ที่ถูกกองทัพควบคุมตัวทั้งหมดโดยไม่มีเงื่อนไข และเรียกร้องให้ช่วยกันกดดันกองทัพเมียนมาไม่ให้ใช้กำลังปราบปรามประชาชนเมียนมาที่ออกมาต่อต้านการรัฐประหาร และต้องยุติการปิดกั้นการสื่อสารทุกชนิด ซึ่งเป็นสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชนทุกคน รวมไปถึงให้พรรคการเมืองและรัฐบาลต่างๆ มีมาตรการคว่ำบาตรคณะรัฐประหารเมียนมาทั้งด้านการเมืองและเศรษฐกิจ
และยังมีการโจมตีไปถึงรัฐบาลว่า ไม่แปลกใจ พล.อ.ประยุทธ์เข้าข้างทหารเมียนมา เพราะมาจากการยึดอำนาจเหมือนกัน โดยน.ส.เบญจา แสงจันทร์ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เปิดเผยว่า ก่อนอื่น ขอแสดงออกเพื่อยืนหยัดต่อสู้เคียงข้างประชาชนและนักต่อสู้เพื่อประชาธิไตยชาวเมียนมา ไม่มีเหตุผลใดมีความชอบธรรมเพียงพอในการใช้กำลังโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนตามครรลองประชาธิปไตย ซึ่งรัฐบาลนิ่งเฉยต่อการรัฐประหารในเมียนมา และการใช้กำลังสลายการชุมนุมและจับกุมดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมต่อต้านการรัฐประหารหน้าสถานเอกอัครราชทูตเมียนมา ก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งแล้วว่ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั้นเลือกปกป้องและยืนอยู่ข้างระบอบเผด็จการ และการรัฐประหารในเมียนมา ซึ่งไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจแต่อย่างใด เพราะในปี 2557 พล.อ.ประยุทธ์ ก็เข้าสู่อำนาจโดยการใช้กำลังยึดอำนาจ ทำรัฐประหารในประเทศไทยเช่นกัน
ซึ่งทางด้านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้มีการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการรัฐประหารในเมียนมาสั้นๆว่า “อาเซียน จุดยืนอาเซียน” เพราะเนื่องจากอาเซียนได้มีกฎว่า จะไม่แทรกแซงกิจการภายในของรัฐสมาชิกอาเซียน และการเคารพสิทธิของรัฐสมาชิกทุกรัฐในการธำรงประชาชาติของตนโดยปราศจากการแทรกแซง บ่อนทำลาย และการบังคับจากภายนอก