ไพศาล-สมชาย มองชะตาทักษิณ หลังราชกิจจาฯ เผยแพร่คำพิพากษาจําคุกอีกคดี

3713

จากกรณีเมื่อวันที่ 14 ม.ค. 2564 ที่ผ่านมา เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ คำพิพากษา ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ระหว่าง อัยการสูงสุด (โจทก์) และ นายทักษิณ ชินวัตร (จำเลย) เรื่อง ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ การขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวม หรือคดีหุ้นชินคอร์ป

ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาเมื่อวันที่ 30 ก.ค. 2563 ว่าจําเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ.2542 มาตรา 100 วรรคหนึ่ง (2) และมาตรา 122 วรรคหนึ่ง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152 (เดิม) การกระทําของจําเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91

องค์คณะผู้พิพากษามีมติเสียงข้างมาก ให้ลงโทษฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทที่รับสัมปทานหรือเข้าเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐจําคุก 2 ปี ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการเข้ามี ส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สําหรับตนเองหรือผู้อื่นเนื่องด้วยกิจการนั้นจําคุก 3 ปี รวมเป็นจําคุก 5 ปี ให้นับโทษจําคุกจําเลยต่อจากโทษจําคุกของจําเลยในคดีหมายเลขแดงที่ อม.4/2551 และต่อจากโทษจําคุกของจําเลยที่ 1 ในคดีหมายเลขแดงที่ อม. 10/2552 ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง

เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายสมชาย แสวงการ ได้โพสต์ข้อความว่า โดนศาลตัดสินจำคุกหลายคดี ๆ ละหลายปีรวม ๆ แล้วคงกลับไทยยาก

ขณะที่ทางด้าน นายไพศาล พืชมงคล ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยว่า ปรากฏการณ์ทางการเมืองที่น่าสนใจ!!!

1 พลตำรวจเอกจักรทิพย์ จะลงสมัครผู้ว่ากทม. ในขณะที่พลตำรวจเอกอัศวินก็จะลงแข่งขันด้วย!!! การที่ 2 ช้างสารสีกากีชนกันในสนามกรุงเทพฯ จึงทำให้ คอการเมืองต้องชำเลืองมองดูข้างหลังช้างสารนั้นว่าเป็นใครกับใคร???

2 คุณหญิงสุดารัตน์และคณะยกทีมลาออกจากพรรคเพื่อไทยครั้งนี้ไม่ใช่ลักษณะแตกแบงค์พันเป็นแบงค์ร้อย หรือไผ่แยกกอ แต่เป็นเรื่องแยกทาง ยืนกันอยู่คนละข้าง!!!! การระดมคนรุ่นใหม่ และคนหนุ่มสาวจำนวนมาเข้าพรรค เพื่อจัดตั้งพรรคการเมืองที่มีลักษณะพรรคมวลชน เพื่อการปฏิรูปใหญ่ประเทศไทย ในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข กำลังคึกคัก!!!!

ส่วนคุณทักษิณยามบารมีแก่กล้า สามารถช่วงชิงชัยชนะในการเลือกตั้งได้หลายครั้งแต่ก็ไม่เคยรักษาอำนาจรัฐไว้ได้อย่างยั่งยืน ยามนี้ สถานการณ์พลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังมือ ทั้งอายุก็ล่วงถึง 72 ปีแล้ว ต่างกับ 18 ปีก่อนมาก จึงถึงเวลาที่จะต้องวางมือการเมืองแล้ ใช้เวลาที่เหลือทำคุณประโยชน์ให้แก่แผ่นดินและราษฎรจะดีกว่า!!!!

ก่อนหน้านั้น นายไพศาล เคยโพสต์ข้อความว่า คุณทักษินมาถึงเวลาที่พึงวางมือจากการเมืองได้แล้ว ร่วม 20ปี มานี้ชัดเจนแล้วว่า

1 การมีอำนาจทางการเมืองของรัฐบาลพรรคไทยรักไทย พลังประชาชนฯได้เกิดกรณีโกงชาติฉ้อราษฎร์บังหลวงครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของชาติ และเป็นเหตุให้ไม่สามารถรักษาอำนาจรัฐไว้ได้ มันเป็นประวัติศาสตร์ ที่แน่นอนไปแล้ว

2 สถานการณ์ของพรรคเพื่อไทยในทุกวันนี้ เป็นพรรคแบบใด รับใช้ใคร คุณทักษิณก็ย่อมรู้ดีกว่าใคร ผู้คนทางการเมืองของคุณทักษิณวันนี้แตกทัพไปเพียงไหนแล้ว ก็ย่อมรู้แก่ใจดี

3 ตอนนี้คุณทักษิณ 72 ปีแล้ว สุขภาพ ตอนนี้กับเมื่อตอนเป็นนายกต่างกันมาก จึงถึงเวลาต้องวางมือได้แล้ว

4 ใช้เวลาที่เหลือของชีวิตทำความดีความงามกับพระ-เจ้า และผู้คนที่ได้รับทุกขเวทนาเพราะรับใช้คุณทักษิณ และมีชีวิตที่เป็นสุขกับครอบครัว จะเป็นบุญกุศลแก่ชีวิตมากกว่า