ทรัมป์แถลงจากทำเนียบขาว?!?ยันพวกก่อเหตุบุกรัฐสภาเป็นแดงเทียม ขณะสภาล่างลงมติถอดถอนแล้ว เดินหน้าส่งวุฒิสภาฟัน

2259

สงครามแตกหัก เปิดหน้าสู้ สภาผู้แทนราษฏรมีมติถอดถอนทรัมป์แล้ว ด้วยเสียง 232 ต่อ 197 งดออกเสียง 4 ฝ่ายรีพับลิกันร่วมออกเสียงถอดถอน 10 คน นับเป็นปธน.สหรัฐคนแรกที่ถูกถอดถอน 2 ครั้งและโดยพรรคเดโมแครตเป็นแกน หลังจากนั้นไม่นานมีการเผยแพร่ภาพทรัมป์ทางทวิตเตอร์จากทำเนียบขาว กล่าวประณามเหตุรุนแรงในการบุกรัฐสภาวันที่ 6 ม.ค. ปฏิเสธว่าพวกหัวรุนแรงไม่ใช่กลุ่มที่สนับสนุนเขา และเป็นผู้สั่งรักษาความสงบรอบวอชิงตันดีซี ขณะที่คณะเสธ.สหรัฐ 8 นายลงนามปกป้องรัฐธรรมนูญ ย้ำไบเดนคือ ปธน.และจะเป็นผบ.ทหารคนต่อไป ทำไมใครก็อะไรทรัมป์ไม่ได้ต้องรอให้เขาตกเก้าอี้ก่อน เพราะยังมีสิทธิทางกม.คุ้มครองประมุขค้ำคออยู่ใครไม่กล้าหือ

ทรัมป์แอ็กติ้ง-ไม่รู้ ไม่เห็น ไม่ใช่พวกผม?

ในการแถลงทรัมป์ย้ำว่า พวกก่อความรุนแรงไม่ใช่กลุ่มสนับสนุนเขาและ กลุ่มผู้สนับสนุนเขาเป็นประชาชนอเมริกันที่รักชาติและเคารพกฎหมาย และอ้างว่าเขาเป็นผู้สั่งกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิและทหารส่วนกลางรักษาความสงบ รอบกรุงวอชิงตัน ดีซี เพื่อให้การส่งมอบอำนาจเป็นไปอย่างเรียบร้อย อีกทั้งพูดถึง การที่บิ๊กเทค ทั้งหลายปิดกั้นแอคเคาน์ ของปธน.และประชาชนที่เห็นต่าง คือการคุกคามประชาธิปไตย ช่วงนี้เป็นเวลาที่ต้องรับฟัง แต่การกระทำแบบนี้คือการปิดกั้นและอันตราย

เริ่มกระบวนการถีบตกบัลลังก์

สนข.ต่างประเทศหลายแห่งรายงานเมื่อ 13 ม.ค.64 ว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ มีมติถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์ ในข้อหาปลุกระดมให้ประชาชนก่อจลาจลและบุกรุกอาคารรัฐสภา เมื่อ 6 ม.ค.64 ตามเวลาท้องถิ่น ทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 คน ด้วยการลงมติ เสียงข้างมาก 232 ต่อ 197 เสียง งดออกเสียง 4 และรีพับลิกัน 10 คนลงมติร่วมถอดทอน ฉะนั้น การถอดถอนขั้นที่ 1 เรียบร้อยแล้ว  นับเป็นปธน.คนแรกที่ถูกถอดถอนถึงสองครั้ง โดยพรรคเดโมแครตเป็นแกน ครั้งแรกรอดเพราะวุฒิสภาซึ่งมีพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากลงมติไม่ถอดถอน แต่ครั้งนี้คงรอดยากเพราะวุฒิสภาชุดใหม่ เดโมแครตครองเสียงข้างมาก แต่ก็จะดำเนินการหลัง โจ ไบเดนสาบานตนเรียบร้อยแล้ว นั่นคือ หลังวันที่ 20 ม.ค.  ตามกฎหมายสหรัฐฯ กำหนดให้ประธานาธิบดีสิ้นสุดอำนาจโดยอัตโนมัติในวันสาบานตน รับตำแหน่งของประธานาธิบดีคนใหม่

8 เสธ.เหล่าทัพสหรัฐส่งสารถึงทหาร ย้ำไบเดนคือปธน.?

เว็บไวต์ยาฮู นิวส์ รายงานเมื่อวันที่ 13 ม.ค. เผยแพร่จดหมายของกองเสนาธิการทหารร่วม และผู้บัญชาการหน่วยทหารในแต่ละหน่วยของสหรัฐอเมริกา เป็นผู้ลงนาม ประกาศยืนยันว่า โจ ไบเดน จะได้เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งอย่งเป็นทางการ และได้ขึ้นเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดของสหรัฐคนที่ 46 แน่นอน 

เนื้อหาในจดหมาย ประณามเหตุการณ์จลาจลที่อาคารรัฐสภาสหรัฐเมื่อวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย ที่ไม่เพียงแต่เป็นการโจมตีสภาคองเกรสเท่านั้น แต่ยังเป็นการโจมตีต่ออำนาจรัฐธรรมนูญของอเมริกา นอกจากนี้ยังย้ำว่าสิทธิเสรีภาพในการพูดและการรวมตัวกัน ไม่ได้หมายถึงการให้สิทธิในการก่อเหตุรุนแรง การปลุกปั่น และการจลาจล

จดหมายจากหัวหน้าเสนาธิการทหารร่วม มีขึ้นหลังจากนายไรอัน แมคคาร์ธี รัฐมนตรีกองทัพสหรัฐ อนุมัติให้กองกำลังป้องกันตนเองแห่งชาติจำนวน 15,000 นาย พร้อมด้วยอาวุธ เข้าไปช่วยดูแลเรื่องความปลอดภัยของอาคารรับสภา ท่ามกลางคำเตือนจาก FBI ว่าจะมีการประท้วงก่อเหตุรุนแรงของกลุ่มติดอาวุธ ในวันที่โจ ไบเดน ขึ้นรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ในวันที่ 20 ม.ค. เรื่องนี้ทรัมป์อ้างเป็นคนลงนามคำสั่งส่งกองทหารพิทักษ์มาตุภูมิ ไปเอง