“ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ” กลืนน้ำลายตัวเอง แนะรัฐบาลแจกเงินเยียวยาปชช. แต่ก่อนหน้านี้ วิจารณ์ว่า แจกเงินเป็นสิ่งไม่ดี!?!
จากกรณที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ได้เคยวิพากษ์วิจารณ์การแจกเงินของรัฐบาล รวมถึงการที่รัฐบาลได้เปิดโอกาสให้ผู้ที่มีความสามารถทางการเงินบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นว่าเป็นรัฐบาลขอทาน แต่สุดท้ายนายธนาธรก็ทำการเรี่ยไรเงินเสียเอง ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้นายธนาธรเคยวิจารณ์ว่ารัฐบาลแจกเงินเพื่อเยียวยาความทุกข์ร้อนเป็นสิ่งไม่ดีและไม่ใช่วิธีการแก้ไขปัญหา
ซึ่งก่อนหน้านี้ นายธนาธร ได้มีการพูดถึงกรณีที่รัฐบาลได้ออกมาแจกเงินเยียวยาประชาชนจากสถานการณ์โควิดว่า ประชาชนไม่ได้รับเงินอย่างทั่วถึง ต่อมา คณะก้าวหน้า” นำโดย ธนาธร ปิยบุตร และช่อ พรรณิการ์ จัดกิจกรรมคอนเสิร์ตออนไลน์ระดมทุน #MAYDAYMAYDAYเราช่วยกัน เมื่อวันที่ 1-2 พฤษภาคม 2563 โดยมียอดเงินบริจาค 7,282,897.34 บาท สามารถส่งต่อให้ผู้ขอรับสิทธิ์เงินเราช่วยกัน คนละ 3,000 บาท เป็นจำนวน 2,427 คน ซึ่งถ้ามองแล้ว การเปิดรับบริจาคเงินของนายธนาธร และยอดบริจาค ก็ไม่ได้เยียวยาประชาชนได้อย่างทั่วถึงเช่นเดียวกัน
ต่อมาทางด้าน ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ชี้ว่า เรื่องนี้ทำให้สังคมมองเห็นว่าสิ่งที่นายธนาธรทำ เป็นสิ่งที่เคยวิจารณ์ผู้อื่นว่าทำไม่ดีมาก่อน แต่สุดท้ายนายธนาธรกลับลอกเลียนวิธีการและทำเอง นายธนาธรยังเอาหน้าโดยไม่ลงทุน เพราะแจกเงินเฉพาะที่ตนเองได้รับบริจาคมาเท่านั้น ไม่ปรากฏยอดบริจาคจากนายธนาธรแม้แต่เพียงบาทเดียว นายธนาธรกำลังกลืนน้ำลายตัวเอง จำสิ่งที่ตนเองวิจารณ์ไม่ได้เลย ทำทุกอย่างตามที่เคยได้วิจารณ์ผู้อื่นไว้
นายธนาธร วิจารณ์รัฐบาลที่เปิดโอกาสให้ผู้ที่มีความสามารถทางการเงินบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นว่าเป็นรัฐบาลขอทาน แต่สุดท้ายนายธนาธรก็ทำการเรี่ยไรเงินเสียเอง นายธนาธรเคยวิจารณ์ว่ารัฐบาลแจกเงินเพื่อเยียวยาความทุกข์ร้อนเป็นสิ่งไม่ดี ไม่ใช่การแก้ปัญหาแต่สุดท้ายนายธนาธรก็แจกเงินเสียเอง เพื่อเพิ่มยอดผู้ชมคอนเสิร์ตที่มีเพียงประมาณห้าพันคนในวันแรก นายธนาธรวิจารณ์ว่าการลงทะเบียนรับสิทธิ์ของรัฐบาลเป็นการกีดกั้นผู้ที่ไม่เข้าถึงอินเตอร์เน็ต แต่สุดท้ายนายธนาธรกลับกีดกั้นและสร้างความเหลื่อมล้ำเสียเอง
แจกเงินเฉพาะผู้ที่เข้าถึงเฟซบุ๊กเพจคณะก้าวหน้า นายธนาธรวิจารณ์ว่ารัฐบาลช่วยเหลือประชาชนไม่ทั่วถึง แต่สุดท้ายนายธนาธรก็แจกเงินไม่ทั่วถึงเช่นกัน เพราะวันแรกแจกเพียง 351 คน และเมื่อวันที่ 2 พ.ค. 63 ก็มีคนหลักล้านคนที่ไม่สามารถเข้าถึงความช่วยเหลือจากนายธนาธร นอกจากนี้ระบบคัดกรองผู้ได้รับการช่วยเหลือจากนายธนาธรก็อาจไม่มีประสิทธิภาพ ไม่มีความเท่าเทียม ผู้ที่เดือดร้อนจริงๆ กลับไม่ได้รับความช่วยเหลือ จะได้เฉพาะผู้ที่มีความว่องไว ลงทะเบียนก่อน เข้าถึงอินเตอร์เน็ต และติดตามเฟซบุ๊ก กีดกันโอกาสผู้สูงอายุ คนรากหญ้า คนทำงานที่ไม่สามารถเข้าถึงเฟซบุ๊กในเวลานั้นเพราะต้องทำงาน ไม่มีมือถือสมาร์ทโฟน ไม่มีอินเตอร์เน็ตใช้
แต่ล่าสุดก็ได้เกิดประเด็นขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อนายธนาธร ได้ไลฟ์พิเศษในหัวข้อ “ประเทศไทย 2021: ข้อเสนอจัดการโควิดและวิกฤติเศรษฐกิจ” โดยบอกว่า สถานการณ์ในขณะนี้มีความน่ากังวลเป็นอย่างมาก ถึงวันนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่รายวันสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ ล่าสุดมากถึง 745 คน โอกาสนี้ ตนขอให้กำลังใจครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสโควิด และขอให้กำลังใจผู้ป่วย ญาติผู้ป่วย บุคลากรทางการแพทย์ที่กำลังทำหน้าที่เพื่อประชาชนคนไทยทั้งประเทศต่อสู้กับไวรัสอยู่ขณะนี้ จำเป็นที่เราจะต้องดูแลเรื่องความมั่นคงในชีวิตของประชาชน ในขณะที่ประชาชนกำลังดูแลกันเองอย่างเต็มกำลัง เพื่อทำให้การแพร่ระบาดของไวรัสอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ การเสียสละของประชาชนเป็นไปเพื่อส่วนรวม แต่กลับเป็นคนที่ต้องรับผิดชอบและได้รับผลกระทบมากที่สุด
ประเด็นที่น่าสนในก็คือ นายธนาธรได้แนะนำให้จ่ายเงินเยียวยาประชาชนอย่างถ้วนหน้า จำนวน 3,000 บาทต่อเดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน คิดเป็นวงเงิน 4 แสนล้านบาท งบประมาณในส่วนนี้ จากข้อมูลล่าสุดที่เรามีอยู่ เงินกู้ 1 ล้านล้านบาทที่ได้รับการอนุมัติมาจากสภา มีการอนุมัติโครงการได้แล้ว 4.9 แสนล้านบาท เสนอว่าจำนวนเงินที่เหลือ 4 แสนล้านบาทเอามาตั้งเป็นรายได้พื้นฐานถ้วนหน้า ส่วนที่เหลือกันไว้เพื่อนำไปซื้อวัคซีนสำหรับทุกคน
ซึ่งการกระทำของนายธนาธร ก็เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นจำนวนมากว่า ก่อนหน้านี้นายธนาธรก็เคยออกมาวิจารณ์รัฐบาลถึงกรณีที่รัฐบาลได้แจกเงินเยียวยาให้กับพี่น้องประชาชน ว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดี และไม่ใช่แนวทางการแก้ไขปัญหา และประชาชนไม่ได้รับเงินอย่างทั่วถึง แต่ล่าสุดก็มาออกหน้าแนะรัฐบาลให้แจกเงินเยียวยาให้กับประชาชน ซึ่งสังคมมองว่าสิ่งที่นายธนาธรทำเป็นสิ่งที่เคยวิจารณ์ผู้อื่นว่าทำไม่ดีมาก่อน แต่วันนี้กลับแนะนำให้จ่ายเงินเยียวยา ซึ่งมองว่าเป็นความคิดที่ย้อนแย้งว่า นายธนาธรพูดอีกอย่าง แต่ตัวเองก็ทำอีกอย่างหนึ่ง