จากที่(12พ.ย.63) ม.ร.ว. จิราคม กิติยากร โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เล่าถึงสถานการณ์ที่มีคนไทยร่วมมือกับฝรั่งจะล้มล้างสถาบัน ทั้งอ้างอิงถึงการไปเยอรมันนี ซึ่งมีข้อมูลที่น่าสนใจมีข้อเท็จจริงที่ประชาชนจะต้องรับรู้ร่วมกัน
ที่พวกฝรั่งออสเตรเลียร่วมมือกับพวกคอยล้มล้างสถาบันฯพูดว่า ร.10 เอาแต่ไปอยู่เยอรมันนี ………และใส่ร้ายพระองค์หลายเรื่องโดยไม่รู้เบื้องหลังความจริง มีพี่คนหนึ่งเล่าให้ฟังว่า การที่ท่านไปอยู่เยอรมันบ่อยในช่วงก่อน เพราะพระองค์ท่านเข้ามาสังฆยานาพวกกร่าง และโกงกินในวัง และพวกที่ถูกลงโทษมีความเจ็บแค้น อาจคิดลอบปลงพระชนม์ จึงต้องป้องกันไว้ก่อน โดยเฉพาะเรื่องอาหาร
คนเป็นจำนวนมากไม่รู้ว่า ร.10 ท่านทรงงานอย่างที่ไม่ได้เปิดเผยหรือโฆษณาประชาสัมพันธ์อะไร และท่านมีดุลพินิจที่ดีมาก และทีมงานที่ท่านเลือก ก็เป็นบุคลากรที่มีประสิทธิภาพสูง ขยัน อดทน และมีดุลพินิจดีมากด้วยเช่นกัน
เราเคยทำงานในบริษัทหนึ่ง และถูกส่งตัวไปช่วยงานที่สนง.ทรัพย์สินฯส่วนพระมหากษัตริย์ พวกเรายังแอบทึ่งเลย ที่พระองค์ท่าน commented หลายเรื่องด้วยลายพระหัตถ์ของท่านเองอย่างรอบคอบ
แถมซ้ำ ที่ดินใจกลางเมืองหลายแห่งที่เหลืออยู่นั้น ทางเอกชนบางรายจ้องจะประมูลเช่าไปทำธุรกิจ แต่เมื่อท่านขึ้นครองราชย์ ก็กลับเอาที่ดิน prime area ใจกลางเมืองหลายแห่งมาทำเป็นสาธารณะประโยชน์ เช่น สนามม้านางเลิ้ง 300 กว่าไร่ พวก K..เคยมาจ้องจะเช่าไปทำธุรกิจใหญ่โต
แต่ตอนนี้ ร.10 ทรงประทานให้ทำเป็นสวนสาธารณะแห่งใหม่ให้ชาวกทม. เป็นสวนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ซึ่งมีขนาดเกือบเท่าสวนลุมฯเลย
**ที่ดิน(แถวพลับพลา) ติดคลองลาดพร้าว จำนวน 80 ไร่ พวกเราเคยได้รับมอบหมายให้ช่วยศึกษาดูว่า ควรจะนำมาทำโครงการอะไรดี แต่พอท่านทรงขึ้นครองราชย์ ทรงตัดสินใจยกที่ดินทำเลทองนี้ให้กับกองทัพบก เพื่อทำเป็นพิพิธภัณฑ์ไม้มีค่าไปเลย **แล้วที่ชาวบ้านเคยบ่นว่า ทรงเอาคืนที่ดินสวนสัตว์ดุสิต แล้วจัดที่ดินใหม่ให้ไปอยู่ชานเมือง แต่เราหารู้ไม่ว่า กำลังทรงดำริให้มีโครงการก่อสร้างโรงพยาบาลในที่ดินตรงนี้แทน เพราะรพ.ในใจกลางเมืองกทม.ไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน
เราลองคิดดูสิว่า ระหว่างรพ.ที่มีความจำเป็นต่อราษฎรที่หนาแน่นในใจกลางเมือง กับสวนสัตว์ที่จำเจ อะไรจะมีประโยชน์กว่ากัน (ส่วนการเรียนรู้ของเด็กๆ ที่ต้องการไปสวนสัตว์ เราสามารถเดินทางออกไปชานเมืองอีกหน่อยเดียว จะรื่นรมย์กว่าไหม)
**ส่วนการปรับปรุงพื้นที่พระราชวังสวนจิตรฯ ที่หลายคนบอกว่า ทรงสั่งให้เคลียร์พื้นที่ทดลองโครงการในพระราชดำริของ ร.9 ไปหมดเลย แต่เราลองคิดดูสิว่า โครงการเหล่านั้น พระชนกท่านได้ทรงทำสำเร็จแล้ว และได้ส่งต่อผลการทดลองออกไปสอนชาวบ้านตามสถานที่จริงแล้วทั่วประเทศ และมีการต่อยอดการเรียนรู้เกษตรทฤษฎีใหม่ ออกไปอย่างกว้างขวาง แล้วเรายังจะเก็บพื้นที่ในวังให้เป็นแบบนี้ เพียงแค่ให้เป็นที่ระลึกเท่านั้นหรือ ในเมื่อการทดลองได้สำเร็จไปหมดแล้ว
ทำไมเราไม่เอามาปรับปรุง เพื่อดูว่า ควรจะทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อไป หรืออย่างน้อย ก็ปรับปรุงให้กลับมาเป็นพระราชวังที่ดูดีอีกครั้ง และพวกคนในวังที่ทุจริตจะได้ถูกถอดถอนออกไปด้วยเลย พระองค์ท่านมีความกล้าหาญที่จะปราบทุจริต กล้าที่จะสะสาง และมีความหนักแน่นต่อคำใส่ร้ายนินทา เท่าที่ได้ประสบมา จะเห็นได้ว่า กษัตริย์องค์นี้ มีดุลพินิจที่ดีมาก และไม่ได้ทรงเห็นแก่ตัว อย่างที่หลายคนนินทาเลย
การที่ทรงมีความกล้าหาญที่จะออกมาจัดการทรัพย์สมบัติที่เป็นมรดกตกทอดของบูรพกษัตริย์ไทย มันไม่ใช่ความเห็นแก่ตัวเลย แต่เป็นสิทธิโดยชอบธรรม และความใจกว้างของพระองค์ท่านมากกว่า ที่ยินดีเอาที่ดินทรัพย์มรดกของพระองค์ท่าน (หลายหมื่นล้าน) มาแบ่งปัน และทำประโยชน์ให้กับสังคมไทยอย่างใจกว้างมากขวางมาก
หากเราไม่มีอคติ และมีใจเป็นกลาง เราจะเห็นอะไรดีๆมากมายที่บูรพกษัตริย์ไทยได้ทำให้กับประชาชน แต่ถ้าเราหูเบา ฟังความข้างเดียว และถูกปลุกฝังชุดความคิดที่มีอคติ เข้าข้างตัวเอง เราก็จะตกอยู่ในห้วงแห่งความเกลียดชัง ก้าวร้าว ทำตัวเป็นศาลที่ต้องการตัดสินผู้อื่นอย่างเมามัน และตกเป็นเครื่องมือของคนที่ไม่หวังดีต่อความมั่นคงของชาติอย่างน่าเสียใจ
ที่มา : เฟซบุ๊ก Chirakom Kitiyakara