จากที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(รอง ผบช.น.) พร้อมด้วยพล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. แถลงการหลีกเลี่ยงเส้นทางการจราจร กรณีการชุมนุมสถานการณ์ทางการเมือง
ทั้งนี้พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวต่อว่า ในขณะนี้ปรากฎข้อมูลข่าวสารอันเป็นเท็จเป็นการกล่าวร้ายการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ภาครัฐ ทั้งตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่อื่นๆ เช่น การใช้คำว่าใช้หมายจับที่หมดสภาพมาดำเนินการจับกุมตัวผู้ต้องหา
“หรือมีการใช้กำลังทุบตีผู้ต้องหาคนหนึ่งคนใด จนได้รับบาดเจ็บหมดสติเหล่านี้เป็นต้น ซึ่งข้อความเหล่านั้นเป็นข้อความอันเป็นเท็จ เป็นความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 มาตรา 14 ซึ่งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และบก.ปอท. จะต้องดำเนินการดำเนินคดีกับผู้ต้องหา ฝากเตือนประชาชนที่ทราบข่าวแล้วอย่าเผยแพร่ ส่งต่อ ทำซ้ำ อาจจะได้รับโทษตามกฎหมายด้วยเช่นเดียวกัน ส่วนกรณีการเจ็บป่วย ตำรวจก็ดำเนินการตามหลักสิทธิมนุษยชน”
นอกจากนี้พล.ต.ต.ปิยะ ยังกล่าวถึงการกระทำความผิดที่เกิดขึ้นซ้ำว่า เมื่อเริ่มดำเนินคดีแล้ว คดีจะหยุดไม่ได้ จะต้องเดินไปตามขั้นตอนกระทั้งคดีสู่ศาล และคดีถึงที่สุดแล้ว ถ้ามีการกระทำความผิดเรื่อยๆ เยอะๆ ต่อเนื่องกัน ก็อาจจะมีหมายเพิ่มขึ้นได้
“มีตำรวจและบิ๊กตำรวจตามดูแล แกนนำม็อบคณะราษฎรที่ รพ.พระรามเก้า ยันไม่มีนอกเครื่องแบบรุมทำร้าย ทำตามหลักสิทธิมนุษยชน เปรยตอนนี้โดนแล้ว 80 หมาย รอดำเนินคดี เตือนปล่อยข่าวใช้หมายจับหมดสภาพมีความผิด พ.ร.บ.คอมพ์”
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ นายจาตุรนต์ ฉายแสง หรือ อ๋อย อดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวงและอดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ได้แชร์ภาพไมค์ ภาณุพงศ์ จาดนอก แกนนำม็อบคณะราษฏร พร้อมโพสต์ข้อความว่า
“ใช้หมายจับที่หมดสภาพแล้วไปจับกุมคนโดยพละการ ระหว่างเคลื่อนย้ายซ้อมเขาจนสลบ มันป่าเถื่อนมาก ใครสั่งใครบงการย่อมเป็นที่เกลียดชัง ระบบยุติธรรมก็เสื่อมเสีย น่าอับอายไปทั่วโลก#ปล่อยเพื่อนเรา #ม็อบ30ตุลา”
