จากประเด็นร้อนระหว่างค่ายเพลง “แสงรวี เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด” ที่ได้ออกมายืนยันว่า “อิงฟ้า วราหะ” มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2022 ยังติดสัญาถึงปี 2568 ทำให้ล่าสุดทาง “อิงฟ้า” ได้ออกมาเคลื่อนไหวและบอส “ณวัฒน์ อิสรไกรศีล”ได้ออกมาจัดการเรื่องนี้ โดยให้ผู้ว่าจ้างงานMiss Grand Thailand 2022จ้างงานในชื่อ บริษัท Miss Grand ส่วน “อิงฟ้า” ให้อยู่ในฐานะพนักงาน นั่นแสดงว่า ทางค่ายเดิมของ “อิงฟ้า” จะไม่ได้รับส่วนแบ่งใดๆ เพราะทุกอย่างจะไปในนามบริษัท” พร้อมทั้งพูดว่ามีผู้ที่โดนคล้ายๆกันกว่า10ราย
ซึ่งหนึ่งในนั่นก็คือ “เอ็ม ธนวัฒน์” ผู้ที่เคยอยู่ค่ายเดียวกัน ได้ออกมาโพสต์เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นและให้กำลังใจ”อิงฟ้า” ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าตัวเคยเจอกรณีสัญญาแบบเดียวกันกับอิงฟ้ากับค่ายเพลงเดียวกันนี้ โดยเจ้าตัวเผยว่า
“เอ็มไม่เข้าใจนะ ว่าวันนี้น้องเดินมาด้วยตัวเองจริง ๆ และมาถึงจุดหมายของเค้าด้วยตัวเอง วันที่อิงลำบากไม่เห็นมีใครจะช่วยเหลืออิงเลย อิงเป็นคนเก่งมีความอดทนมาก ที่จะมาถึงวันนี้ได้ไม่ง่ายนะครับ คนเราถ้าเค้าไปได้ดีก็หน้าจะส่งเค้าไปและยินดีนะครับ เอ็มคนหนึ่งที่ดีใจมาก ว่าอิงเก่งมากครับ สู่ต่อไปครับ พี่เป็นกำลังใจให้ ครับ เดียวก็ผ่านไป”
และล่าสุด “เอ็ม ธนวัฒน์” ยังเปิดแบบหมดเปลือกอีกว่าบอกว่า “ตอนที่น้องออกมาจากบ้านแสงรวี ออกมาจากค่ายเราก็ติดต่อกันตลอด เราสนิทกันตลอดเลย น้องปรึกษาเราตลอด เราก็เห็นใจน้อง ตัวเราเองออกมาทีแรก เราก็ลำบากเหมือนกัน ความรู้สึกมันเป็นความรู้สึกเดียวกัน เรามีความรู้สึกว่า น้องเดินมาถึงวันที่เป็นความฝันของเขา แล้วเขาประสบความสำเร็จด้วยตัวเขาเอง เรารู้สึกว่าเราดีใจ และภูมิใจกับความสามารถและพยายามของเขา”
ส่วนเหตุผลที่เลือกโพสต์ประมาณว่าทำกับเอ็มคนเดียวไม่พอยังมาทำกับคนอื่นอีกนั้น เอ็มบอกว่าจริง ๆ แล้ว ตัวเองรักเคารพนับถืออาเจ้าของค่ายเพลงเป็นแม่คนที่สอง และเคยได้ยินอาบอกว่าจะไม่ทำแบบนี้กับอิงฟ้าแน่นอน แต่พอวันนี้เจอเหตุการณ์แบบนี้ เอ็มเลยรู้สึกสงสารอิงฟ้า ในขณะที่ไปได้สวยและมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ เราไม่คิดว่าน้องต้องมาเจอเรื่องแบบเรา ตอนนี้น้องน่าจะมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่มาก ๆ น้อง เรามองว่าไม่อยากให้น้องติดขัด เท่านั้นเอง
และนอกจากนี้ ตัวเอ็มเองไม่ได้โผล่มาให้กำลังใจ”อิงฟ้า”เท่านั้น ยังแย้มด้วยว่า วันนี้มีไม้เด็ด หอบหลักฐานมาช่วย”อิงฟ้า”อีกด้วย
“ตอนที่เราเซ็น เราไม่มีคู่ฉบับสัญญาเลย ทีนี้น้องถามว่าพอรู้ไหมว่าสัญญาเป็นแบบไหน มันต่ออัตโนมัติจริง ๆ เหรอ พอเรามาดู มาต่ออัตโนมัติ 5 ปี จริง ของอิงฟ้าเขาต่อเป็น 12 ปี แต่ในส่วนตัวมองว่าสัญญาอันนี้ไม่เป็นธรรม สำหรับคนที่เป็นศิลปิน”
“ณ เวลานั้น ทุกคนมีความฝันคืออยากเป็นนักร้อง ช่วงเวลานั้น พ่อ”อิงฟ้า”ป่วย ทุกคนลำบาก อยากมีความฝัน ทุกคนอ่าน แต่ไม่ได้คิดว่าการที่มาอยู่ที่ค่าย ไม่ได้คิดว่าจะเจอเหตุการณ์ดังกล่าว แต่หลังจากนั้นพ่อเขาเสียพอดี หลังเซ็นสัญญา”
ซึ่งในส่วนของเอ็มเอง ตอนนี้ยังไม่มีการแพ้-ชนะ แต่เป็นการยอมความ ทางศาลยกเลิกไปเลย 10 ปี และในส่วนที่อาฟ้อง 43 ล้าน ศาลก็ไกล่เกลี่ยไม่ได้จ่ายทั้งหมด แล้วก็คุยกันว่าจะเริ่มต้นกันใหม่ว่าจะหางานแล้วหักกันไป ก็ลดลงมาประมาณ 7-8 ล้าน โดยอาบอกว่าให้เรามาตกลงกันใหม่ มาทำเพลงแล้วหางานหักกันไป เอ็มก็ยอม มีงานอะไรก็ไปช่วยบริษัทซึ่งเรายินดี ที่ผ่านมาก็ไป 4-5 ครั้ง แล้วไม่ได้มีการหักค่าตัวอะไร แล้วก็คือห่าง เงียบหายไป ไม่เหมือนที่คุย แต่พอหลังจากนั้นผ่านไป 1 ปี อาก็สั่งยึดทรัพย์ ซึ่งยึดไม่ได้เพราะทรัพย์สินเป็นของพ่อแม่ แต่คดีของเอ็มสุดท้ายมันคือยึดทรัพย์ แต่ด้วยความที่เอ็มไม่มีอะไรเลยทำให้ยึดไม่ได้ เอ็มมองว่ามันเกินไป บอกตรง ๆ ว่าตนเองไม่ได้ดังจากการเป็นศิลปิน และที่มีทุกวันนี้เพราะธุรกิจ เพลงก็ทำเอง ไม่ได้เซ็นสัญญาซ้อน ส่วนเคสของน้องไม่อยากให้เหมือนกับที่ตนเองเจอ เพราะสงสารน้อง อยากให้อาเมตตาอิง สงสารน้อง อยากให้เมตตาให้น้องไปได้ด้วยดีครับ”
ด้านหลักฐาน ที่นำมาตามที่ลือ เอ็มบอกว่าไม่ได้มีอะไรมากมาย เป็นเพียงคู่สัญญาเท่านั้น ที่เป็นรูปแบบคล้ายกันของอิงฟ้า เพราะอยากช่วยอิงฟ้าเท่าที่ช่วยได้ ทำให้เขื่อว่าคู่สัญญาน่าจะคล้ายกัน จึงนำมาให้อิงฟ้าได้ดู ทำให้อาจจะช่วยอิงฟ้าได้
“ผมคุยกับน้องเฉย ๆ เพราะปกติ เราคุยกันตลอด ตั้งแต่ยังไม่ได้รับตำแหน่งมิสแกรนด์ไทยแลนด์ เรายินดีที่จะช่วยน้องเฉย ๆ น้องเป็นเด็กกตัญญู น้องมีความพยายาม เราไม่เคยทิ้งกัน ยังเจอกันตามงาน น้องก็มาหางานทำ ให้มีตังค์เลี้ยงครอบครังเขาครับ”
สุดท้าย “เอ็ม ธนวัฒน์” อยากบอกค่ายเพลงที่เป็นคู่กรณีว่า “จริง ๆ แล้ว ไม่ได้มีเจตนาเนรคุณ ทั้งอิงฟ้าและเอ็ม ผมรักอาเหมือนแม่คนที่สอง เหมือนครอบครัว บุญคุณมี จุดเริ่มต้นไม่เคยลืม แค่ชีวิตเราต้องเดินหน้าต่อ อยากให้ชีวิตเราดีจึ้นกว่าเดิมเท่านั้นเอง ขอความเมตตา เท่านั้นเองครับ”