สืบเนื่องจากกรณีที่มีรายงานว่า รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ออกมาเตือนความเสี่ยงจากสงครามโลกครั้งที่ 3 ภายหลังชาติตะวันตกยังให้ความช่วยเหลือแก่ยูเครน
พร้อมระบุถึงการเจรจาสันติภาพกับยูเครนที่ยังคงดำเนินต่อไป โดยวิจารณ์แนวทางการเจรจาสันติภาพของยูเครนว่า “ความปรารถนาดีนั้นมีขีดจำกัด และหากไม่ใช่การแลกเปลี่ยนประโยชน์ซึ่งกันและกัน มันก็ไม่ช่วยในกระบวนการเจรจา”
ล่าสุดทางด้านนายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ระบุถึงประเด็นของรัสเซียและชาติตะวันตกว่า ไปกันใหญ่ คำพูดของคนที่เป็นนักการเมือง นักการทูต เมื่อเอ่ยอะไรออกไป มันมีความหมาย มีผลผูกพันต่อประเทศ จะมาพูดพล่อย ๆ เล่น ๆ ไม่ได้
ไม่รับผิดชอบคำพูดไม่ได้ นายบลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศอเมริกันพูดต่อหน้าคณะกรรมาธิการวุฒิสภาอเมริกันว่าด้วยกิจการแห่งรัฐ การปฏิบัติการในต่างประเทศ และโครงการที่เกี่ยวข้องเมื่อ 27 เมษายน ว่า เราตัดสินใจที่จะให้ทุกอย่างที่ยูเครนอยากจะได้เพื่อผลักดันรัสเซียให้ออกนอกประเทศ และหากยูเครนต้องปฏิบัติการนอกพรมแดนยูเครน ความเห็นส่วนตัวของนายบลิงเคนคือ แล้วแต่การตัดสินใจของยูเครน ที่จะทำในสิ่งที่จำเป็นเพื่อผลักดันรัสเซียผู้รุกราน ส่วนยุทธวิธีเป็นเรื่องของยูเครน ในส่วนของอเมริกัน คือให้แน่ใจว่า ยูเครนมีของในการป้องกันตนเอง
มาฟังเสียงปูตินบ้าง ปูตินเตือนตะวันตกที่เข้ามาแทรกแซงความขัดแย้งในยูเครน และแสดงท่าทีที่เป็นภัยทางด้านยุทธศาสตร์ รัสเซียจะตอบโต้ โดยกล่าวว่า มีเครื่องมือ ชนิดที่ไม่มีใครจะป้องกันได้
ก่อนหน้านี้ รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซียระบุว่า หากดินแดนรัสเซียถูกโจมตีด้วยอาวุธของตะวันตกที่ส่งมาช่วยยูเครน รัสเซียจะโจมตีศูนย์กลางการตัดสินใจในเคียฟ น่าจะไม่พ้นที่ทำการรัฐบาลหรือศูนย์บัญชาการของเซเลนสกี หรือโลกกำลังจะก้าวเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่สามอย่างเต็มตัว สงครามนิวเคลียร์จะหลีกเลี่ยงได้ไหม ชะตาชีวิตของประชากรโลกตกอยู่ในมือของนักการเมืองที่บ้าอำนาจ ไม่ได้คิดถึงชีวิตประชาชน
ส่วนทางด้านดร.สมเกียรติ โอสถสภา ก็ได้แสดงความคิดเห็นถึงประเด็นนี้ไว้เช่นกันว่า “ปูตินจะโจมตีผู้รุกรานด้วยความเร็วเหนือแสง เตรียมรับมือไว้
อะไรคืออาวุธที่เร็วเหนือแสง นี่คืออาวุธใหม่ ต้องอยู่ในที่ไร้แสง ไร้เงา โจทย์ควอนตั้มฟิสิกส์ ตะวันตกกำลังมึน อะไรที่เร็วกว่าแสงหว่าจินตนาการสำคัญกว่าความรู้เดิม”