จากการที่องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต้ ได้เข้าช่วยเหลือยูเครน ทั้งส่งกำลังทหารรวมทั้งยุทโธปกรณ์ เพื่อสู้กับรัสเซีย ซึ่งข้อมูลที่ปรากฏก็คือ อาวุธจำนวนหนึ่งถูกนำไปขาย และถูกทำลายด้วยนั้น!!!
ล่าสุดวันนี้ 25 เมษายน 2565 เพจเฟซบุ๊กWorldUpdate ซึ่งเกาะติดสถานการณ์ระหว่างรัสเซียและยูเครนมาอย่างต่อเนื่อง ได้โพสต์ข้อความที่น่าสนใจ โดยระบุแหล่งที่มาทั้งจากกลาโหมรัสเซีย และสื่ออิสระยูเครนว่า “อาวุธ NATO พังเรียบ แต่ผู้นำประกาศ จะทำให้ยูเครนมีอิทธิพลมากที่สุดในยุโรป
ภายหลังสหภาพโซเวียตล่มสลาย และแตกเป็น 15 ประเทศ หนึ่งในนั้นคือ ยูเครน ได้มรดกอาวุธติดมาจำนวนมาก ขณะนั้นจึงเป็นกองทัพที่ทรงพลังอันดับ 4 ของโลก แข็งแกร่งมากกว่าอังกฤษ และฝรั่งเศส เสียอีก และยังได้ฐานการผลิตอุตสาหกรรมที่สำคัญๆ เช่น เหล็กกล้า น้ำมัน โรงงานผลิตอาวุธ ฯลฯ จำนวนมาก ถึงขนาดคาดกันว่ายูเครน อาจจะเป็นชาติที่มั่งคั่งในยุโรป
แต่เมื่อปี 2014 ที่สหรัฐ จัดตั้งกลุ่มเผาบ้านเผาเมืองและโค่นล้มรัฐบาลเดิม ตั้งรัฐบาลหุ่นเชิดนายแปตรอ ปอรอเชนกอ และนายเซเลนสกี้ ตั้งแต่นั้นมายูเครน กลายเป็นชาติที่ทุจริตคอรัปชั่นอันดับ 2 ของโลก และบ้านเมืองตกต่ำถดถอยจนรั้งท้ายของยุโรป รายได้ต่อหัวประชากรน้อยกว่าทุกชาติ รวยเฉพาะนักการเมืองเท่านั้น
จนโดนกองทัพรัสเซียบุกปลดปล่อยชาวสลาฟ เชื้อสายรัสเซีย แยกออกจากยูเครนในที่สุด ทำให้ยูเครนต้องตะเวนวิดีโอคอลแบมือขอเรี่ยไร และกู้เงินซื้ออาวุธ จากสหรัฐ และชาติ NATO
แต่ด้วยข้อจำกัดที่รัสเซีย ควบคุมน่านฟ้าของยูเครนได้หมด ทำให้สหรัฐ และ NATO ที่ประกาศต่อชาวโลกครั้งแล้วครั้งเล่าว่าจะส่งอาวุธโน่น นี่ นั่นให้กับยูเครนไม่สามารถขนใส่เครื่องบินขนส่งขนาดใหญ่มาได้ เพราะจะถูกขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานรัสเซียสอยร่วงลงหัวปักพื้นเป็นเศษเหล็กอีกเหมือนคราวก่อนที่เคยแอบบินเข้ามาทางทะเลดำ ก็โดนสอยร่วงที่ใกล้กับเมืองท่าโอเดสซ่า ไม่ได้ใช้อาวุธเลยสักชิ้นเดียว
ทำให้ต้องส่งของมาลงที่โปแลนด์ แล้วลำเลียงทางรถไฟ หรือรถยนต์ เข้ามาทางยูเครนตะวันตก แต่ชาติ NATO ป่าวประกาศบอกล่วงหน้าซะขนาดนั้น สายลับรัสเซียที่เป็นตาสับปะรด ก็ค่อยส่องการเคลื่อนย้ายอาวุธเหล่านั้น แล้วรายงานเข้าศูนย์บัญชาการ
จากนั้นโดรนก็จะตามเกาะติดไปจนถึงคลังเก็บอาวุธของยูเครน ทางศูนย์บัญชาการ จะพิจารณาว่าจะใช้ขีปนาวุธประเภทไหน ยิงด้วยวิธีใด แล้วสั่งการถล่มทันที
ล่าสุดกองทัพเรือรัสเซีย ยิง Cruise missile Calibre จากเรือรบในทะเลดำ เข้าใส่เป้าหมายคลังเก็บอาวุธ NATO และกองทัพยูเครน 2 แห่งที่สำคัญ คือ คลังในสนามบินทหาร เมืองท่าโอเดสซา และศูนย์กระจายสินค้าในเมืองลวิฟ ยูเครนตะวันตก ซึ่งเป็นสถานที่จัดเก็บอาวุธจำนวนมากจากสหรัฐ และยุโรป ไม่ทันได้ใช้งานเลยสักชุดเดียว ยังไม่นับคลังอาวุธย่อย และจุดพักอาวุธอีกมากมาย
ล่าสุดนายเซเลนสกี้ ประธานาธิบดียูเครน กลัวโดนรัสเซียถล่ม จึงหลบลงไปแถลงข่าวในสถานีรถไฟไต้ดินว่า ถ้าประชาชนชาวยูเครนในเมืองท่ามาริอูปอล จัดทำประชามติต้องการแยกตัวออกจากยูเครน เขาจะไม่ยอมรับเสียงส่วนใหญ่ของชาวเมือง เขาจะถอนตัวจากการเจรจาทุกสิ่งทุกอย่าง เมื่อเขามีอาวุธมากขึ้น จะสั่งการอยู่ในที่ปลอดภัยที่สุด
ให้ทหารยูเครนเดินหน้าบุกยึดดินแดนต่างๆ กลับคืนมาจากรัสเซีย “และเมื่อได้ชัยชนะ เขาก็จะมีกองทัพที่แข็งแกร่งทรงพลังที่สุด” มีประสบการณ์มากที่สุด เขา “จะทำให้ยูเครนกลายเป็นประเทศที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในสหภาพยุโรป มีอำนาจมากที่สุด ” เขาบอกต่อว่า “ไม่ค่อยกลัวการพยายามลอบสังหารมากนัก แต่หน่วยรักษาความปลอดภัยของเขากลัว”
เขาบอกต่อว่าจะมีรัฐมนตรีต่างประเทศ , รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ พร้อมคณะจะแห่กกันเดินทางมาหาที่กรุงเคียฟ ยูเครน และเขาก็จะดีใจออกคำสั่งให้ทหารอย่ายอมแพ้ ให้ฝ่าฝืนให้ลงโทษประหารชีวิต จากนั้นเขาก็คลานไปหลบในที่ปลอดภัยห้องใต้ดินของอาคาร พร้อมฝันหวานคำที่สหรัฐบอกว่า “เรายืนอยู่ข้างคุณ กู้เงินซื้ออาวุธสหรัฐ สู้ต่อไป ชนะแน่นอน
