สมรภูมิยูเครนเดือดพล่าน ปฏิบัติการเร่งปิดจ็อบเริ่มแล้ว ปธน.ยูเครนเพิ่งคุยโวไปเมื่อวานว่า ยูเครนสามารถสู้กับรัสเซียได้ 10 ปีแต่วันนี้โวยวายใหญ่ว่าแย่แล้วรัสเซียโจมตีเมืองลวิฟอย่างรุนแรงด้วยขีปนาวุธหลายลูก โดยเล็งเป้าไปที่โครงสร้างพื้นฐานทางทหาร ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและเกิดไฟลุกไหม้หลายจุดในเมือง ขณะที่รมว.ความมั่นคงของยูเครนโอดครวญว่า เมืองมาริอูโปลโดนรัสเซียยึดไปแล้ว
กระทรวงกลาโหมรัสเซียไม่ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับการปฏิบัติการภาคพื้นดินในวันจันทร์ที่ผ่านเพราะลุยจริงไม่พูดมาก มีรายงานจากผู้สื่อข่าวแนวหน้าเกี่ยวกับการสู้รบอย่างหนักทางตอนใต้ของเมืองอิสยัม Izyum ทางเหนือของเมืองเซเวอโรโดเนตสก์ (Severodonetsk) และทางตะวันตกของเมืองโดเนตสก์ (Donetsk) นอกจากนี้ยังมีรายงานการโจมตีด้วยปืนใหญ่และขีปนาวุธในเขตคาร์คอฟ นิโคเลฟ และโดเนตสค์ทางตะวันตกเฉียงเหนือ
ในด้านของเครมลิน ธนาคารชาติรัสเซียได้ประกาศชัดว่ารัสเซียจะปรับโครงสร้างเศรษฐกิจครั้งใหญ่และเร่งเปิดตัวระบบการเงินใหม่ที่ใช้ในกลุ่มพันธมิตรBRICS เพื่อเตรียมรับสถานการณ์ใหม่ที่อาจเกิดขึ้นได้ ส่งสัญญาณเตือนว่ารัสเซียอาจไม่รอให้นาโต้เป็นฝ่ายเร่งสุมไฟสงครามไปเรื่อยๆเพื่อทำลายรัสเซียให้สูญสิ้น ด้านปธน.ปูตินฟันธงชัดว่า การคว่ำบาตรของสหรัฐและตะวันตกล้มเหลว
วันที่ 19 เม.ย.2565 สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์ ,บลูมเบิร์กและรอยเตอร์ รายงานกันรัวๆว่า ปฏิบัติการปิดจ็อบดอนบาสส์เริ่มแล้ว และมาริอูโปลรบกันหนักเพราะปธน.เซเลนสกี้สั่งให้รบไม่ให้ยอมจำนน ขนาดนั้นก็มีนักรบยูเครนกว่าพันนายเข้ามอบตัว จึงถึงเวลาลุยกลุ่มทหารหัวรุนแรงและทหารรับจ้างที่เหลือเพราะโดยรวมคุมสภาพพื้นที่ได้หมดแล้ว
นายพลอิกอร์ โคนาเชนคอฟ โฆษกกระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงว่ากองทัพรัสเซียได้ทำลายคลังเก็บขีปนาวุธท็อคคา-ยู (Tochka-U)ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองเนปร์( Dnepr) ทางตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครน ซึ่งเดิมชื่อว่า เมืองเนปโปรเพทรอฟ( Dnepropetrovsk)
ขีปนาวุธทางยุทธวิธีท็อคคา-ยู นี้ต้นทางผลิตในโซเวียต ถูกใช้อย่างกว้างขวางโดยกองกำลังยูเครนในการต่อสู้กับรัสเซีย ระบบดังกล่าวเป็นอาวุธที่ยิงได้ไกลที่สุด โดยมีพิสัยการยิงสูงสุด 120 กม. ทุกยูนิตสามารถติดตั้งหัวรบต่างๆ ได้รวมถึงคลัสเตอร์บอมบ์
มอสโกระบุว่าขีปนาวุธประเภทนี้ ยูเครนนำมาใช้หลายครั้ง เช่นที่เมืองโดเนตสค์ โจมตีเมืองคร่าชีวิตผู้คนกว่า 20 ราย และทำร้ายพลเรือนอย่างน้อย 36 ราย
ต่อมานำมาใช้ในครามาทอส(Kramatorsk) ที่เมืองเคียฟ ซึ่งยังเป็นเขตควบคุมโดยเคียฟเมื่อวันที่ 8 เมษายน ยิงใส่สถานีรถไฟในท้องถิ่นที่ใช้เพื่ออพยพพลเรือนออกจากเขตสงคราม การโจมตีครั้งนั้นทำให้พลเรือนเสียชีวิตและบาดเจ็บหลายสิบคนโดยยูเครนใส่ร้ายว่ารัสเซียทำ แต่ถูกจับได้เพราะชิ้นส่วนประกอบแสดงหมายเลขและชื่อเจ้าของชัด รัสเซียนำภาพมาเปิดเผย
แนวรบอีกด้านหนึ่งก็เร่งเร้าไม่แตกต่างกัน ทำให้ทั่วโลกต่างจับตาแรงกระเพื่อมของสงครามเศรษฐกิจพลิกกระดานระเบียบโลกใหม่ เพราะล่าสุด รัสเซียเตรียมเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยแบงก์ชาติแถลงว่าเศรษฐกิจจะเข้าสู่การปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ และจะพยายามเปิดตัวระบบชำระเงินใหม่โดยเร็วที่สุดเพื่อใช้ในกลุ่มพันธมิตร ที่ทำมาค้าขายกับรัสเซียด้วยสกุลเงินท้องถิ่น เพื่อให้สถานการณ์กลับมาเป็นปกติโดยเร็ว
ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียฟันธงว่านโยบายคว่ำบาตรต่อรัสเซียแบบสายฟ้าแลบทางเศรษฐกิจตะวันตกล้มเหลว
สำนักข่าวทาซซ์รายงานเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า ปธน.ปูตินแถลงสรุปสถานการณ์ปัจจุบัน เขากล่าวในการประชุมประเด็นทางสังคมและเศรษฐกิจว่า “เห็นได้ชัดว่า ปัจจัยลบหลักสำหรับเศรษฐกิจเมื่อเร็ว ๆ นี้ได้รับแรงกดดันเพิ่มเติมจากประเทศตะวันตก เป้าหมายคือการบ่อนทำลายทางการเงินและเศรษฐกิจในประเทศของเราอย่างรวดเร็ว กระตุ้นความตื่นตระหนกในตลาด มุ่งสู่การล่มสลายของระบบธนาคารและขนาดใหญ่ ตลอดจนการขาดแคลนสินค้าในร้านค้า” “แต่เราสามารถพูดได้อย่างมั่นใจแล้วว่านโยบายที่มีต่อรัสเซียนี้ล้มเหลว” ปูตินเน้นและเสริมว่า “กลยุทธ์สายฟ้าแลบทางเศรษฐกิจล้มเหลว”
ปูติน ข้อสังเกตว่า“นอกจากนี้ การคว่ำบาตรยังส่งผลกระทบต่อผู้ริเริ่มด้วย ฉันหมายถึงการเติบโตของอัตราเงินเฟ้อและการว่างงาน การเสื่อมถอยของพลวัตทางเศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกาและประเทศในยุโรป มาตรฐานการครองชีพในยุโรปที่ลดลง การลดค่าเงินออมของพวกเขา ในเวลาเดียวกัน สถานการณ์ในเศรษฐกิจรัสเซียกำลังมีเสถียรภาพ ในขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนรูเบิลกำลังกลับสู่ระดับต้นเดือนกุมภาพันธ์”
ปูตินกล่าวว่า “รัสเซียยืนหยัดต่อแรงกดดันที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน สถานการณ์กำลังมีเสถียรภาพ อัตราแลกเปลี่ยนเงินรูเบิลได้กลับสู่ระดับครึ่งแรกของเดือนกุมภาพันธ์ และถูกกำหนดโดยยอดการชำระเงินที่แข็งแกร่งอย่างเป็นกลาง”
“นอกจากนี้ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลในรัสเซียเกิน 58,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในไตรมาสที่ 1 “แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์” ประธานาธิบดีกล่าว เสริมว่าเงินสดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศกำลังกลับคืนสู่ระบบธนาคารของประเทศและปริมาณเงินฝากของ พลเมืองกำลังเพิ่มขึ้น
ปูตินชี้ภาวะเงินเฟ้อในรัสเซียเริ่มมีเสถียรภาพในขณะนี้ “ผมจะแยกสังเกตปัญหาเงินเฟ้อต่างหาก ตอนนี้กำลังทรงตัวอยู่” “ราคาผู้บริโภคเติบโตอย่างโดดเด่นในช่วง 1.5 เดือนที่ผ่านมา – เพิ่มขึ้น 9.4% ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อประจำปี ณ วันที่ 8 เมษายนอยู่ที่ 17.5%”
ปูตินเชื่อว่างบประมาณของรัสเซียจะทำให้เศรษฐกิจอิ่มตัวด้วยทรัพยากรทางการเงิน และรักษาสภาพคล่องไว้ท่ามกลางการปล่อยสินเชื่อที่ลดลง เขาย้ำว่า“สำหรับเรื่องงบประมาณ ฉันทราบดีถึงการหารือระหว่างธนาคารแห่งรัสเซียและรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ต้องเผชิญกับการลดลงอย่างเป็นรูปธรรมของการปล่อยสินเชื่อ แน่นอนว่างบประมาณควรสนับสนุนเศรษฐกิจอย่างแข็งขัน เสริาด้วยทรัพยากรทางการเงิน และรักษาไว้ซึ่งสภาพคล่องในประเทศ”
ด้านเอลวิรา นาบิลลินา(Elvira Nabiullina) ผู้ว่าการธนาคารกลางรัสเซียแถลงว่าเศรษฐกิจรัสเซียกำลังเข้าสู่ช่วงของการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่เพื่อรับมือกับผลกระทบของการคว่ำบาตรต่อมอสโกว์จากสหรัฐฯ และพันธมิตรของสหรัฐฯ
นาบิลลินากล่าวในสภาดูมา(State Duma) เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า“เศรษฐกิจของเรากำลังเข้าสู่ช่วงเวลาที่ยากลำบากของการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่เกี่ยวข้องกับการคว่ำบาตร ดังที่ฉันได้กล่าวไปแล้ว การคว่ำบาตรส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินเป็นหลัก แต่ตอนนี้พวกมันจะเริ่มส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจมากขึ้น”
ตามรายงานของทางการ รัสเซียยังคงมีเงินสำรองเพื่อรองรับเศรษฐกิจ แต่จะไม่สามารถรักษาไว้ได้นานกว่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากที่ประมาณ 50% ของทุนสำรองถูกแช่แข็งจากการคว่ำบาตร ผู้ว่าการฯกล่าวว่า“ช่วงเวลาที่เศรษฐกิจสามารถใช้เงินสำรองได้หมดลงแล้ว และในระยะที่ 2 – คือช่วงต้นไตรมาสที่ 3 เราจะเข้าสู่ช่วงการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างและการค้นหาโมเดลธุรกิจใหม่” “เมื่อภัยคุกคามจากการตัดการเชื่อมต่อจาก SWIFT ปรากฏขึ้นครั้งแรกในปี 2014 เราได้พัฒนาระบบ SPFS ซึ่งทำงานตามมาตรฐาน SWIFT ผู้เข้าร่วมจากต่างประเทศที่สนใจร่วมงานกับรัสเซียสามารถเข้าร่วมกับเราได้แล้ว ปัจจุบันมีองค์กรต่างประเทศ 52 แห่งจาก 12 ประเทศที่เข้าร่วมกับระบบ SPFS” “รัสเซียกำลังเร่งประกาศระบบการเงินร่วมที่จะใช้รองรับสถานการณ์ใหม่ให้เร็วที่สุด เพื่อให้ระบบการเงินโดยรวมเข้าสู่ภาวะปกติ”
ต้องจับตากันต่อไปว่า แรงกระเพื่อมของการปรับเปลี่ยนระบบเงินโลกที่เริ่มขึ้นแล้วจะพัฒนาไปถึงจุดใด แต่ที่แน่ๆกระแสคุกรุ่นของสงครามยูเครนกำลังเริ่มเข้าสู่จุดพีคอีกครั้งแล้ว!!