จากกรณีที่ประธานาธิบดี เซเลนสกี ได้ออกมาแฉขบวนทหารรัสเซีย ว่ามีการทำร้ายชาวยูเครนที่นั่งอยู่ในรถ ที่เมืองบูชา พร้อมทั้งประณามปูติน ว่าคืออาชญากรสงครามที่แย่สุด ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ทางด้านรัสเซียได้ชี้แจงกลับ ว่ากองทัพรัสเซียได้ถอนกำลังไปนานแล้ว ทำให้มีประเด็นตั้งข้อสงสัยต่อมาว่า เรื่องนี้อาจจะมีการจัดฉาก ใส่ร้ายรัสเซีย
ล่าสุดในเพจเฟซบุ๊ก Thailand Vision ได้รายงานถึงประเด็นนี้เพิ่มเติม ระบุว่า ” ผู้นำยูเครนปราศรัยต่อทีประชุมคณะมนตรีความมั่นคง ประณามการสังหารพลเรือนในสงคราม กดดันให้คณะมนตรีความมั่นคงของยูเอ็น จัดการกับรัสเซีย ที่ก่ออาชญากรรมสงครามครั้งเลวร้ายที่สุด นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 และประกาศกร้าวด้วยว่าหากทำไม่ได้ก็สมควรยุบองค์กร ขณะที่รัสเซียยังยืนยันว่า ภาพที่ปรากฎออกมาเป็นการสร้างหลักฐานเท็จ ย้ำรัสเซียไม่เคยโจมตีพลเรือน
ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ เซเลนสกี ของยูเครน กล่าวต่อที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือยูเอ็นเอสซี ผ่านวิดีโอ โดยเนื้อหาสำคัญคือ เหตุการณ์ที่เมืองบูจา ทางตอนเหนือของกรุงเคียฟ ซี่งยูเครนชี้ว่า ในขณะที่รัสเซียยึดครองเมืองนี้อยู่กว่า 1 เดือน ได้สังหารพลเรือนมากมายและยังมีหลุมศพขนาดใหญ่ ประเมินเบื้องต้นมีศพพลเรือนเสียชีวิตราว 300 คน เขาจึงประกาศจะนำความยุติธรรมมาให้เหยื่ออาชญากรรมสงครามทุกคน นอกจากนั้น ยังเรียกร้องให้จัดตั้งศาลพิเศษขี้นมาเพื่อพิจารณาคดีอาชญากรรมสงครามเช่นเดียวกับที่ตั้งขึ้นเพื่อเอาผิดสมาชิกนาซีของเยอรมนีในสงครามโลกครั้งที่สอง
ผู้นำยูเครนยังได้ตำหนิคณะมนตรีความมั่นคงที่ไม่สามารถสร้างความมั่นคงได้เลย และตั้งคำถามถึงอำนาจของคณะมนตรีความมั่นคงที่มีสมาชิก 15 ชาติ รวมถึงรัสเซีย หลังจากไม่สามารถดำเนินการใดๆ กับรัสเซีย นับตั้งแต่เริ่มบุกยูเครนเมื่อวันที่ 24 ก.พ.เพียงเพราะรัสเซียมีอำนาจยับยั้งหรือวีโตเพื่อล้มมติใด ๆ เช่นเดียวกับชาติสมาชิกถาวรอีก 4 ชาติ พร้อมกับย้ำว่า หากปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไป ก็จะจบลงที่แต่ละรัฐหันใช้อาวุธเพื่อรักษาความมั่นคงของตัวเอง แทนที่จะพึ่งกฎหมายระหว่างประเทศและสถาบันระหว่างประเทศ เมื่อนั้นสหประชาชาติก็ควรยุบไปเลย
ขณะที่ทางด้านอันโตนิโอ กูเตียร์เรซ เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวว่า เขาจะไม่มีทางลืมความโหดร้ายในเมืองบูจา ที่พลเมืองต้องถูกสังหาร สงครามในยูเครนความท้าทายครั้งใหญ่ต่อระเบียบโลก
จากนั้น วาสซิลี เนเบนเซีย เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำยูเอ็น กล่าวในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคง โต้แย้งว่าทหารรัสเซียไม่ได้พุ่งเป้าทำร้ายพลเรือนและข้อกล่าวหาที่เกิดขึ้นเป็นคำโกหก และยืนยันว่าระหว่างที่เมืองบูจาอยู่ภายใต้การควบคุมของรัสเซียก่อนจะถอนกำลังออกมาเมื่อวันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมา ไม่มีพลเรือนแม้แต่คนเดียวต้องประสบกับความรุนแรงใด ๆ ยืนกรานว่า ภาพและหลักฐานที่เผยออกมาจากเมืองบูจานั้น เป็นหลักฐานปลอมที่ยูเครนจัดฉากขี้นเพื่อใส่ร้ายยูเครนเพราะเกิดขึ้นหลังจากที่รัสเซียถอนกำลังออกมาจากเมืองแล้ว พร้อมกันนั้น เขายังได้กล่าวโจมตีชาติตะวันตกว่า กำลังปั่นกระแสเกลียดชังรัสเซียทุกวัน ต่อไปก็จะมีคำกล่าวอ้างปลอมเหมือนกรณีเมืองบูจาออกมาอีก เพื่อให้ร้ายทหารรัสเซีย โดยใช้เทคโนโลยีทีมีอยู่สร้างภาพวีดีโอปลอมขี้นมา”