ในที่สุด Trump ก็มาร่วมประชุมเอเปคซัมมิท 2020 ที่ปีนี้มาเลเซียเป็นเจ้าภาพ จัดประชุมทางออนไลน์ จีนคัดค้านลัทธิกีดกันทางการค้าของสหรัฐ และประกาศยุทธศาสตร์หนุนค้าเสรีโลกที่เป็นธรรม ขณะที่ทรัมป์มาเพื่อยืนยันบทบาทความเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ และแถลงผลงานของเขา ด้านการต่อสู้กับโรคระบาด ฟื้นฟูเศรษฐกิจและขอให้โลกร่วมมือกันฟื้นฟูเศรษฐกิจทั้งสหรัฐและนานาชาติ อีกทั้งได้ลงนามปฏิญญา 2 ฉบับ “วิสัยทัศน์ปุตราจายา 2040″(ยุทธศาสตร์เอเปค 20 ปี) และ “ปฎิญญากัวลาลัมเปอร์”
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงาน: ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ปรากฏตัวเข้าร่วมการประชุม APEC summit 2020 ทางออนไลน์ ค่ำวันศุกร์ที่ 20 พ.ย.2563 แม้อยู่ในระหว่างแข่งขันช่วงชิงในการเลือกตั้งกับคู่ต่อสู้ทางการเมือง ซึ่งแนวโน้มเขาเป็นฝ่ายปราชัยก็ตาม ขณะที่สี จิ้นผิงใช้เวทีการประชุมครั้งนี้คัดค้านลัทธิกีดกันการค้าของสหรัฐ และประกาศหนุนการค้าเสรีโลกที่เท่าเทียมและเป็นธรรม
การประชุมเอเปค (The Asia-Pacific Economic Cooperation (APEC)ครั้งที่ จัดขิ้นโดยปีนี้ประเทศมาเลเซียเป็นเจ้าภาพ โดยมีสมาชิกจากประเทศเอเซีย-แปซิฟิก 21 ประเทศ นับเป็น 60% ของจีดีโลกหัวข้อการประชุม “การให้ความสำคัญกับผลกระทบที่ตามมา หลังวิกฤตระบาดไวรัสโควิด-19” ในงานนี้ ประเทศจีนที่เพิ่งประสบความสำเร็จในการเข้าร่วมลงนามข้อตกลง RCEP ซึ่งเป็นพื้นที่การค้าโลกที่สำคัญ กลายเป็นประเทศที่มีบทบาทนำในพื้นที่เศรษฐกิจการค้าขนาดใหญ่ทั้งซีกโลกตะวันออกและแปซิฟิก เนื่องจากสหรัฐได้ถอนตัวออกจาก ข้อตกลง CPTPP ในสมัยปธน.ทรัมป์บริหาร
ทรัมป์สร้างความประหลาดใจที่ให้ความสนใจกับการประชุมเอเปคครั้งนี้ ทั้งที่ในอดีตไม่เคยเข้าร่วมมาตั้งแต่ปี 2017 และปรากฏตัวเป็นคนล่าสุดจากที่ผู้นำประเทศอื่นๆกล่าวไปจนหมด รวมทั้งสี จิ้นผิงคู่ปรับคนสำคัญที่ทำให้ โลกจับตามองว่า สหรัฐและจีนจะปะทะคารมกันอย่างไร
แหล่งข่าวจากผู้จัดงานที่มาเลเซียกล่าวว่า ทรัมป์ไม่ต้องการใช้ฉากหลังเป็น เครื่องหมายการประชุมเอเปค แต่ใช้ฉากหลังเป็นทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐแทน ซึ่งนักวิเคราะห์ประเมินว่า เพราะเขาต้องการแสดงฐานะความเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ ขณะที่กำลังต่อสู้ผลการเลือกตั้งที่โจ ไบเดนเป็นผู้คว้าชัย
โลกต่อสู้กับโรคระบาด สหรัฐมีการขับเคลื่อนต่างๆ รวมทั้งการผลิตวัคซีนอย่างมีประสิทธิภาพ และจะพยายามกระจายให้ทั่วถึง เนื้อหาการแถลงของทรัมป์ไม่โจมตีจีนเหมือนทุกครั้งที่ปรากฏตัวในที่สาธารณะ แต่เหมือนแถลงผลงานตนเองมากกว่า
“ในด้านการฟื้นฟูเศรษฐกิจในสหรัฐเพื่อการกลับมามั่งคั่งอีกครั้ง รัฐบาลได้มีแผนงานและงบประมาณการกระตุ้นเศรษฐกิจและการจ้างงานเพื่อแก้ปัญหาและลดผลกระทบ สร้างความมั่นใจในการบริโภค สหรัฐไม่มีการล็อคดาวน์ แต่มีนโยบายเน้นการเจริญเติบโต ตัดทอนระเบียบที่ไม่เอื้อต่อการทำธุรกรรม เพิ่มรายได้แก่ครัวเรือน และขอให้ทุกประเทศสนับสนุนนโยบายสหรัฐ ที่ช่วยการฟื้นฟูเศรษฐกิจทั้งประเทศสหรัฐและทั้งโลก”
สีคัดค้านลัทธิกีดกันการค้า
สี จิ้นผิงกล่าวในการประชุมผุ้บริหารเอเปค เมื่อค่ำวันศุกร์ (20 พ.ย.2563) ว่า “มันเป็นเรื่องสำคัญที่เอเซีย-แปซิฟิกจะเป็นผู้นำในการส่งเสริมสันติภาพและความยั่งยืน ยืดแนวทางการค้าพหุพาคี สามัคคีและเน้นเศรษฐกิจเสรีเปิดกว้าง”…”ความเสรีและเปิดกว้างทางการค้าไม่ได้สำเร็จในข้ามคืน” สียังชี้กรณีที่ปักกิ่งโดยกีดกันการค้า และใช้อำนาจทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเป็นเครื่องมือกดดันคู่ค้าที่อ่อนแอกว่า ซึ่งทุกฝายเข้าใจดีว่าหมายถึงสหรัฐนั่นเอง
สียังยืนยันว่าประเทศจีนพร้อมร่วมมือทางการค้าที่ยืดหยุ่นและก้าวหน้าในกลุ่มการค้าภายใต้ข้อตกลงทีพีพี (TPP:Trans-Pacific Partnership) ซึ่งเป็นข้อตกลงการค้าที่ริเริ่มขึ้นในสมัยอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา และทรัมป์ให้สหรัฐถอนตัวออกมา