แฉเอกสารลับสหรัฐฯเคยร่วมเจรจาชาติตะวันตก ปม “นาโต” สุดท้ายผิดสัญญา ชนวนเหตุทำรัสเซีย-ยูเครน จบศึกไม่ได้!

1761

หลังจากที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ได้เปิดเผยว่า รัสเซียจะรับชำระเฉพาะสกุลเงินรูเบิลเท่านั้น สำหรับการส่งมอบก๊าซธรรมชาติไปยังบรรดาชาติทั้งหลายที่ถูกขึ้นบัญชี “ประเทศไม่เป็นมิตร” ซึ่งในนั้นรวมถึงสมาชิกทั้งหมดของอียู หลังจากมอสโกถูกมาตรการคว่ำบาตรเล่นงานหนักหน่วงอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ต่อกรณีรุกรานยูเครน

แม้ว่าทั่วโลกจะจับตามอง ว่าเรื่องราวของรัสเซียและยูเครนจะจบลงได้หรือไม่ เพราะยังมีปัจจัยหลายเรื่องที่ทำให้การเจราจาไม่ได้ข้อสรุป รวมทั้งทางฝั่งสหรัฐฯก็ยังคงเดินหน้าคว่ำบาตรรัสเซีย และให้ความช่วยเหลือยูเครนต่อเนื่อง

ล่าสุดทางด้านนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรมว.คลัง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เรื่อง “ใครเคยบอกรัสเซีย- แม้แต่นิ้วเดียว” มีเนื้อหาดังนี้ ปูตินอ้างว่า ตะวันตกเคยสัญญาไว้ว่า นาโตจะไม่ขยายไปทางทิศตะวันออก ‘แม้แต่นิ้วเดียว’ แต่ภายหลังผิดสัญญา เป็นปัจจัยหลักประการหนึ่งที่นำไปสู่สงครามยูเครน แต่มีหลายคนตั้งข้อสงสัยว่า ปูตินโกหกหรือเปล่า?

George Washington University แผนก National Security Archive เปิดให้ประชาชนเข้าดูเอกสารราชการสหรัฐที่ถูกยกเลิกชั้นความลับ (ยกเลิกเมื่อพ้นระยะเวลาตามที่กำหนด) ตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคม 2560 (2017)
เอกสารแสดงชัดเจนว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของอเมริกาและประเทศตะวันตกอื่น ๆ ร่วมกันเจรจาและให้คำมั่นสัญญาแก่นายมิคาอิล กอร์บาชอฟ (Mikhail Gorbachev) ประธานาธิบดีของรัสเซียขณะนั้น เรื่องการไม่ขยายขอบเขตของนาโต โดยนายเจมส์ เบเคอร์ รัฐมนตรีต่างประเทศและเสนาธิการทำเนียบขาวขณะนั้น เป็นผู้ที่กล่าว “… แม้แต่นิ้วเดียว not one inch …”

*** เอกสารหลักฐาน ****
องค์กรที่นำเรื่องนี้มาเผยแพร่ในโซเชียลคือ The Transnational Foundation for Peace & Future Research (TFF) รูป 1 เป็นบทความสรุปเหตุการณ์การเจรจาระหว่างประเทศตะวันตกกับสหภาพโซเวียต ซึ่งเขียนโดย Svetlana Savranskaya กับ Tom Blanton เมื่อวันที่ 7 ม.ค. 2022 (รูป 2)

 

 

 

 

 

ท้ายโพสท์ของ TFF มีลิงค์ไปที่ George Washington University แผนก National Security Archive ซึ่ง (รูป 3) มีบันทึกการประชุมเมื่อวันที่ 9 ก.พ. 1990 ระหว่างกอร์บาชอฟกับเจมส์ เบเคอร์ (เอกสารหมายเลข 6) ต้นฉบับอยู่ที่มูลนิธิกอร์บาชอฟ

บทสรุปกล่าวว่า เนื้อหาส่วนใหญ่ในการประชุม เป็นการเจรจาขอให้สหภาพโซเวียตถอนตัวออกจากเยอรมันตะวันออก โดยในรูป 4 เจมส์ เบเคอร์ให้ความมั่นใจแก่กอร์บาชอฟว่า นาโต้จะไม่ขยายไปทางทิศตะวันออก

 

 

 

 

ข้อความในเอกสารนั้นแปลได้ว่า ‘สำหรับประเด็นสุดท้ายนั้น นาโต้เป็นองค์กรที่ทำให้สหรัฐมีที่ยืนในยุโรป ซึ่งถ้าไม่มีนาโต ก็จะขาดกลไกเช่นนั้น แต่ฝ่ายเราก็เข้าใจดีว่า สหภาพโซเวียตและประเทศยุโรปตะวันออกอื่น ๆ ต้องการให้มีหลักประกันว่าถ้าหากสหรัฐยังคงฐานทัพอยู่ในเยอรมนีในกรอบของนาโต้ นาโตจะไม่ขยายขอบเขตด้านการทหารไปทางทิศตะวันออกแม้แต่นิ้วเดียว

ฝ่ายเราเชื่อว่า ในกรอบของการหารือกลไก สอง-บวก-สี่เพื่อรวมเยอรมันตะวันออกกับเยอรมันตะวันตกนั้น นาโตจะไม่ขยายขอบเขตด้านการทหารไปทางทิศตะวันออก’(สอง-บวก-สี่ หมายถึงสองฝั่งของเยอรมนีและสี่มหาอำนาจที่ครองพื้นที่ ) สรุปแล้ว สิ่งที่ปูตินอ้างนั้น ตรงกับเอกสารประวัติศาสตร์

ทั้งนี้นักวิเคราะห์บางคนอาจจะเห็นว่า การเจรจาความเมือง ย่อมต้องมีการโกหกหรือลวงให้หลงเชื่อ เป็นธรรมดา การที่รัสเซียไปเชื่อตะวันตกก็เป็นความโง่ของตนเอง จะพิจารณาแง่มุมนั้นก็ได้

และบ้างอาจจะถือว่า การขยายขอบเขตของนาโตเป็นเรื่องประวัติศาสตร์ ผ่านไปแล้ว ไม่ควรรื้อฟื้น
แต่สำหรับผู้นำรัสเซียที่ศึกษาประวัติศาสตร์ และเห็นเซเลนสกีหาเสียงด้วยนโยบายสมัครเข้านาโต รูป 7 และชนะท่วมท้น บ่งชี้ถึงความเสี่ยงที่นาโตจะเข้ามาประชิดพรมแดนรัสเซีย ก็อาจจะรับไม่ได้

นอกจากนี้ ถ้าหากสหรัฐย้อนคำนึงถึงบริบทการเจรจาปี 1990 ดังกล่าว และถ้าหากสหรัฐได้ชี้นำให้นาโตออกแถลงการณ์ยืนยันจะไม่รับยูเครนเข้าร่วมนาโตตั้งแต่ต้น ก็จะสามารถหลีกเลี่ยงความเดือดร้อนแก่ประชาคมโลกได้ไม่ยาก

รูป 8 ซีเลนสกี้กล่าวว่า ถ้าหากนาโตรับยูเครนเข้าเป็นสมาชิกเสียตั้งแต่แรก (ตามแนวทางที่เขาหาเสียง) สงครามยูเครนคงจะไม่เกิดขึ้น ตรงนี้เขาอาจจะพูดถูก แต่การที่นาโตเข้าไปในยูเครน และประชิดถึงพรมแดนรัสเซีย เป็นแนวยาวหลายร้อยกิโลเมตร สงครามที่จะเกิดขึ้น อาจจะเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 เสียมากกว่า