ท่ามกลางการต่อสู้อย่างดุเดือดแหลมคมใน สนามรบยูเครน ที่ส่อเค้าลุกลามเป็นความขัดแย้งหลักของโลกระหว่างมหาอำนาจสหรัฐและพันธมิตรตะวันตก กับรัสเซียและพันธมิตรตะวันออก รัสเซียได้เปิดเผยธาตุแท้ของสหรัฐฯและตะวันตกอย่างล่อนจ้อนว่า เนื้อแท้ที่เฝ้าโฆษณาประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน นั้นหลอกลวง เพราะการกระทำสวนทางทั้งน่ารังเกียจและไร้ศีลธรรม และรัสเซียจะยืนหยัดสู้เพื่อโลกที่เป็นธรรมสำหรับ คนรัสเซียและนานาชาติทั่วโลกต่อไป
วันที่ 18 มีนาคม 2565 สำนักข่าวทาซซ์รายงานว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ได้หารือกับสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งรัสเซีย เกี่ยวกับความคืบหน้าในการปฏิบัติการทางทหารพิเศษในยูเครน
ดมิทรี เพสคอฟ โฆษกประธานาธิบดีรัสเซีย กล่าวว่า “คณะมนตรีความมั่นคงได้หารือเกี่ยวกับสถานการณ์ระหว่างประเทศในปัจจุบัน และดำเนินการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับปฏิบัติการทางทหารพิเศษอย่างต่อเนื่องในยูเครน”
เพสคอฟกล่าวว่า“ปธน.ปูตินบรรยายสรุปสมาชิกของคณะมนตรีความมั่นคงในรายละเอียดเกี่ยวกับการติดต่อทางโทรศัพท์ ระหว่างปธน.และประเทศต่างๆจำนวนมากเกี่ยวกับยูเครน โดยเล่าสถานการณ์ที่แท้จริงในพื้นที่และอธิบายเหตุผลในการปกป้องดอนบาสและไครเมียจากกลุ่มสุดโต่งในยูเครน”
ภายหลังการประชุม ดมิทรี เมดเวเดฟ รองประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งรัสเซีย (Dmitry Medvedev) อดีตประธานาธิบดีรัสเซียฯ ได้โพสต์ลงใน Telegram ถึงแรงกดดันที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนของสหรัฐและตะวันตกที่มีต่อรัสเซีย
เมดเวเดฟ กล่าวถึงชาวตะวันตกได้ทำสงครามลูกผสมกับรัสเซีย อันเนื่องมาจากโรคกลัวรัสเซีย หรือรุสโซโฟเบียที่มีมาช้านาน แต่เขาเชื่อว่าแม้จะมีแรงกดดันมหาศาล มอสโกจะปกป้องวิสัยทัศน์ของระเบียบโลกที่เหมาะสมได้อย่างแน่นอน
เขาระบุว่า “เห็นได้ชัดว่าความเกลียดชังอย่างชัดแจ้งของชาติตะวันตกที่มีต่อรัสเซียนับวันจะขยายวงกว้างไม่มีสิ้นสุด การขยายตัวของ NATO ไปสู่พรมแดนของรัสเซีย สงครามเศรษฐกิจและสงครามด้านข้อมูลข่าวสารอย่างเต็มรูปแบบกับประเทศของเรา การคุกคามที่ไม่หยุดยั้งและความพยายามข่มขู่ การกดขี่ข่มเหงพลเมืองของเราในต่างประเทศอย่างดุเดือด ได้เพิ่มความตึงเครียดระหว่างประเทศขึ้นอย่างมากที่โลกกำลังเผชิญอยู่”
เขากล่าวว่า“รากฐานของความเกลียดชังที่รุนแรงต่อรัสเซียนี้ ถูกวางโดยสหรัฐอเมริกา ตลอดสามสิบปีของการดำรงอยู่ของรัฐรัสเซียใหม่ นักการเมืองและนักการฑูตสหรัฐและตะวันตกเยาะเย้ยถากถางรัสเซีย พูดอย่างหนึ่งและทำอีกอย่างหนึ่ง พูดง่ายๆ ก็คือ พวกเขาโกหกเราอย่างโจ่งแจ้งเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง”
รองประธานคณะมนตรีความมั่นคงรัสเซียตำหนิพฤติกรรมของชาติตะวันตกที่มีต่อรัสเซียในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาว่า “น่ารังเกียจ ชั่วร้าย และผิดศีลธรรม”
เขากล่าวว่า กลุ่มตะวันตกไม่เชื่อว่ารัสเซียจะกลายเป็นอำนาจที่แข็งแกร่งอีกครั้ง และสามารถประกันผลประโยชน์ของตนและปกป้องพลเมืองของตนในต่างประเทศ“พวกเขามีความจำเป็นเร่งด่วนในการทำให้ประเทศของเราคุกเข่าลง และปฏิรูปตามแบบพิมพ์เขียวของโลกแองโกล-แซกซอน เพื่อทำให้อ่อนแอและเชื่อฟัง หรือดีกว่านั้น ให้ฉีกเราออกเป็นชิ้นๆ”
เมดเวเดฟกล่าวว่า“รัสเซียแสวงหาความสัมพันธ์ที่ดีกับพวกเขาอย่างแท้จริง เราเอาชนะลัทธินาซีด้วยกันในศตวรรษที่ 20 และตกลงเกี่ยวกับกฎความปลอดภัยและความร่วมมือที่เป็นสากล แต่ตอนนี้การกระทำสองมาตรฐานของตะวันตก พวกเขาเมินต่อทุกสิ่งที่รัสเซียกังวล รวมทั้งการกำจัดพลเรือนในดอนบาส ที่กินเวลานานหลายปี หากมีสิ่งใดไม่เป็นไปตามแผนของพวกเขา ประเทศของเราจะต้องถูกตราหน้าว่าผิด”
เมดเวเดฟย้ำว่า เจตนารมณ์ของชาวตะวันตกจะไม่มีวันสำเร็จ รัสเซียแข็งแกร่งพอที่จะรับมือศัตรูตัวฉกาจทั้งหมด และจะยังคงต่อสู้เพื่อระเบียบโลกที่เหมาะสมกับประเทศและประชาชนของเราต่อไป โลกจะต้องปราศจากพวกอันธพาลลัทธิทหารสุดโต่ง การโกหกทางประวัติศาสตร์ และอาชญากรรมล้างเผ่าพันธุ์” “รัสเซียมีความแข็งแกร่งทางศีลธรรมและความจริงทางประวัติศาสตร์จะอยู่ข้างเรา”
ดมิทรี เมดเวเดฟดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสหพันธรัฐรัสเซียตั้งแต่ปี 2551 ถึง พ.ศ. 2555 จากปี 2555 ถึงปี 2563 เขาเป็นนายกรัฐมนตรี ปัจจุบัน เมดเวเดฟดำรงตำแหน่งรองประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งรัสเซีย