หลังจากที่เคยมีกระแสโซเชียลจี้นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ที่มีการจัดรายการเล่าข่าว วิเคราะห์ข่าว ว่าอยากเห็นเจ้าตัวออกมาพูดเรื่องที่ดินรุกป่าสวงนของตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจ โดยไม่เคยพบว่าพรรคก้าวไกล และคณะก้าวหน้าจะแตะต้องเรื่องนี้ แต่ประเด็นดราม่าการเมืองอื่น ๆ จะพูดหมด
ต่อมาดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กถึง ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล ยกไว้บนหิ้งอันเป็นที่เคารพสักการะบูชา ผู้ใดจะละเมิดมิได้ นั่นคือ นายธนาธร นายปิยบุตรมักปั้นน้ำเป็นตัว หรือแม้แต่กระทั่งยกตัวอย่างเกินความเป็นจริง คอยแต่ที่จะหาเรื่องใส่ความ เพื่อละเมิดต่อสิทธิเสรีภาพของสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่ตลอดเวลา อีกทั้งมีความพยายามในการบิดเบือนให้ร้าย และชี้นำให้เกิดความเกลียดชัง ด้วยหลักคิดของลัทธิกบฏสาธารณรัฐ หวังเลียนแบบการปฏิวัติฝรั่งเศสที่ล้าหลังและป่าเถื่อน
ล่าสุดดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ ได้แสดงความคิดเห็นถึงเรื่องของนายปิยบุตร กับมาตรา 112 อีก โดยระบุว่า คนไม่ใช่คนผู้อยู่เบื้องหลังวิกฤติปัญหา ม.112
วิธีการยกเลิก ม.112 ที่ดีที่สุด คือ การรณรงค์ไม่ให้มีการทำผิด ม.112 เพื่อไม่ให้มีการใช้งาน ม.112 เกิดขึ้น จนในท้ายที่สุดไม่มีความจำเป็นต้องมี ม.112 อีกต่อไป
แต่นาย Piyabutr Saengkanokkul – ปิยบุตร แสงกนกกุล กลับใช้การโฆษณาชวนเชื่อ ยั่วยุให้มีการทำผิด ม.112 มาโดยตลอด นับตั้งแต่คณะนิติราษฎร์ในซอกหลืบของรั้วมหาวิทยาลัย เรื่อยมาจนถึงคณะก้าวหน้าผ่านการปั่นกระแสบิดเบือนทางโซเชียลมีเดียในปัจจุบัน
ปัญหาจึงไม่ได้อยู่ที่ ม.112 หากแต่อยู่ที่คนอย่างนายปิยบุตร ซึ่งคอยยุยงปลุกปั่นสร้างความแตกแยก ตลอดจนชี้นำทางความคิดอย่างบิดเบือน แล้วหลอกใช้คนอื่นเป็นเครื่องมือในการทำผิดติดคุกติดตะรางแทนตัวเอง
จึงไม่น่าแปลกใจที่ ชุดความคิดบิดเบือนให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ ตลอดจนแนวคิดในการล้มล้างการปกครอง หวังเลียนแบบการปฏิวัติฝรั่งเศสที่ล้าหลังและป่าเถื่อน ล้วนแล้วแต่มาจากนายปิยบุตรแทบทั้งสิ้น
แต่เมื่อภัยใกล้จะมาถึงตัว นายปิยบุตรกลับออกมาแนะนำให้มีการนิรโทษกรรมอย่างน่ารังเกียจ ทั้งๆ ที่นายปิยบุตรเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง เอาแต่มุดหัวอยู่ใต้กระโปรง และคอยปลุกเร้าให้คนอื่นทำผิดติดคุกติดตะรางแทนตัวเองมาโดยตลอด
การอาศัยช่องโหว่ของกฎหมาย แล้วเคลื่อนไหวทางความคิดในแนวทางรุนแรงของนายปิยบุตร จึงเป็นการโฆษณาชวนเชื่อ เพื่อขยายความขัดแย้งทางความคิด ให้ปรากฏขึ้นเป็นรูปธรรมของความรุนแรงมากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ จึงมีแต่จะนำไปสู่สงครามกลางเมืองในที่สุด
แม้ว่าศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 10 พ.ย. 2564 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งได้ยืนยันอย่างชัดเจนว่า มีการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือมีพฤติการณ์ก่อกบฏเกิดขึ้นแล้วในประเทศไทย
แต่ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ท่านนายกรัฐมนตรี ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha จะออกมาเร่งรัดขยายผลคดีกบฏในทางอาญา เฉกเช่นเดียวกับที่ออกมาเร่งรัดคดีของคุณแตงโมเสียที จะต้องรอให้สงครามกลางเมืองเกิดขึ้นก่อนหรืออย่างไร?