มีรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับสถานการณ์ช่วยเหลือคนไทย ที่อาศัยอยู่ในประเทศยูเครน ซึ่งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่าง รัสเซียกับยูเครน ซึ่งสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์ให้ความช่วยเหลืออพยพกลับประเทศไทย กลุ่มแรกจำนวน 38 คน
ได้เดินทางด้วยสายการบินไทย เที่ยวบิน TG923 จากเมืองแฟรงเฟิร์ต ประเทศเยอรมนีถึงสนามบินสุวรรณภูมิ แล้วเมื่อเวลาประมาณ 6.25 น. อย่างปลอดภัยในช่วงเช้าที่ผ่านมา และจะมีกลุ่มคนไทยอีกจำนวนหนึ่งทยอยเดินทางกลับ ภายใต้การช่วยเหลือของรัฐบาลไทย
และสถานการณ์นี้ทางด้านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เปิดเผยถึงรายละเอียดต่าง ๆ เมื่อวันที่ 1 มี.ค. 2565 ที่ผ่านมา ระบุว่าขณะนี้มีความกดดันจะให้ไทยเข้าข้างสหภาพยุโรป(อียู) แต่หากจะทำอะไรเราต้องคิดถึงประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับรัสเซีย ที่มีมาอย่างยาวนานด้วย โดยประเทศในอียูไม่รู้รายละเอียดความสัมพันธ์ที่เรามี เราจึงต้องคิดอย่างละเอียดและรอบคอบ ด้านนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกฯและรมว.การต่างประเทศ ระบุว่า อียู รุกไทยอย่างมาก ว่าให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ ซึ่งมีรัฐมนตรีหลายคนแสดงความคิดเห็นในประเด็นดังกล่าว ซึ่งทำให้ นายกฯ กล่าวสรุปว่า “เราต้องสุขุมและรอบคอบในการตัดสินใจ” และภาพรวมในการหารือ คือต้องการให้ไทยวางตัวเป็นกลาง และเร่งนำคนไทยในพื้นที่ดังกล่าวกลับมาโดยเร็ว
รวมทั้งยังมีการหารือถึงการฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างของไทย-ซาอุดิอารเบีย ที่จะทำให้มีพัฒนาการด้านเศรษฐกิจระหว่างกัน ทั้งเรื่องการส่งออก การท่องเที่ยว ซึ่งขณะนี้ซาอุฯต้องการซื้อไข่ไก่จากประเทศไทยเป็นจำนวนมาก นายกฯจึงมอบให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รีบตรวจสอบตัวเลขไข่ไก่ของประเทศไทยว่าขณะนี้มีปริมาณเท่าไหร่ บริโภคในประเทศเท่าไหร่ ส่งออกเท่าไหร่ และให้ดูด้วยว่าไทยจะสามารถเพิ่มผลผลิตเพื่อขายให้ซาอุฯได้หรือไม่ โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ ก็ได้กล่าวขอบคุณ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เปิดทางด้านการค้าขาย ทำให้ความสัมพันธ์พัฒนาเป็นรูปธรรมมากขึ้น
ขณะที่ทางด้านนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ หรือพี่โทนี่ วู้ดซัม กล่าวในรายการ CARE Talk x CARE ClubHouse ในหัวข้อ “ไทยแลนด์แสนวิกฤต โควิดยังไม่ซา เอาอีกแล้วหว่ารัสเซีย-ยูเครน” และมีการกล่าวถึงรัฐบาลบิ๊กตู่ ระบุว่า ไทยต้องวางตัวให้เหมาะสมว่าจะเอายังไง ถึงแม้ว่าไม่กล้าประณาม แต่ก็ควรจะต้องยืนหยัดในหลักการกฎบัตรสหประชาชาติ การเจรจาทางการทูตควรดำเนินการต่อไป ไม่ใช่สงคราม เพราะเมื่อเกิดสงคราม ผลตามมาคือ ความสูญเสีย คนพลัดถิ่น ความยากจนลำบาก
อย่างไรก็ตามจะเห็นว่าพลเอกประยุทธ์นั้น ได้มีการหารือและวางตัวในสถานการณ์ 2 ประเทศนี้ ก่อนที่นายทักษิณจะออกมาพูดผ่านรายการ CARE Talk x CARE ClubHouse ด้วยซ้ำ จึงทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า นายทักษิณนั้นเพียงแต่อยากจะทำเหมือนตนเองสอนเกมรัฐบาล ทั้งที่เรื่องละเอียดอ่อนขนาดนี้ ระดับภาวะผู้นำของพลเอกประยุทธ์ ก็ไม่ได้นิ่งเฉย ช่วยคนไทยกลับบ้านได้แล้วในชุดแรก 38 ราย และจะมีกลุ่มอื่น ๆ ตามมาอีก นายกฯลงมือทำให้เห็น และประชาชนก็เชื่อว่า นายกฯจะนำพาประเทศให้ผ่านพ้นสถานการณ์ตึงเครียดนี้ไปได้