จากกรณีที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ออกคำสั่งเรื่อง ลงโทษตัดคะแนนความประพฤตินิสิต โดยให้นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล นิสิตปริญญาตรี คณะรัฐศาสตร์ พ้นจากการดำรงตำแหน่งนายกสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ต่อมานายเนติวิทย์ ได้ออกมาเคลื่อนไหวแถลงการณ์ส่วนตัวกรณีถูกปลดจากตำแหน่งนายกสโมสรนิสิตจุฬาฯ ว่าตนเองจะไม่หยุดเคลื่อนไหวทางการเมือง และะระบุว่า ผมถูกผู้บริหารมหาวิทยาลัยก่อรัฐประหารแล้ว พวกเขาไม่สนใจไยดีคะแนนเสียงนิสิตมากกว่าหมื่นคนที่เลือกผมเข้ามาทำหน้าที่นี้ แสดงให้เห็นชัดเจนว่าผู้บริหารมหาวิทยาลัยอันทรงเกียรตินี้ไม่เคารพหลักการเสรีภาพและประชาธิปไตย ตัวผมนั้นไม่ได้ติดใจเรื่องตำแหน่ง เพราะตำแหน่งไม่ใช่เรื่องหลัก ก่อนหน้าจะมีตำแหน่ง ผมก็ต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพในมหาวิทยาลัยและชุมชนรอบๆ มาโดยตลอด ผมสนุกและดีใจที่ได้รับใช้เพื่อนนิสิต พยายามหาโครงการต่างๆ ทำให้สังคมของเราดีขึ้น ผมยังคงสนับสนุนเสรีภาพในการแสดงออกอย่างเต็มที่ ซึ่งรวมถึงเสรีภาพในการไม่เห็นด้วย เสียดสี ด่าว่า ชูนิ้วกลางใส่ หรือถือป้ายประท้วง ผู้มีอำนาจ ไม่ว่ารัฐบาล ผู้บริหารมหาวิทยาลัยควรจะต้องอดทนยอมรับได้ การกระทำของผู้บริหารในครั้งนี้เป็นการลดคุณค่าเสรีภาพ จำกัดระดับการวิพากษ์วิจารณ์ให้อยู่ในระดับที่ตัวเองพึงพอใจเท่านั้น
ขณะที่ทางด้านสำนักบริหารกิจการนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์เฟซบุ๊กประกาศ เรื่องเลือกตั้งซ่อมกรรมการในองค์การบริหารสโมสรนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (อบจ.) ประจำปี 2564 ครั้้งที่ 2 ในวันที่ 18 มี.ค.2565 นี้ หลังจากประกาศปลดเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล จากตำแหน่งนายกอบจ. เหตุเพราะทำผิดวินัยในการไลฟ์สด โดยเชิญรศ.ดร.ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ รุ้ง-ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล และเพนกวิน-พริษฐ์ ชิวารักษ์ โดยไม่แจ้งล่วงหน้า
ทำให้ทางนายเนติวิทย์ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กของตัวเองว่า “กิจการนิสิตปลดผม รัฐประหารเสร็จ ก็หานายกคนใหม่ทันที ไม่รอผลอุทธรณ์เลย ทั้งที่อีกไม่กี่วันก็หมดวาระแล้วด้วย คงอยากจะหานายกใหม่ที่ถูกใจมาควบคุม อบจ. กลั่นแกล้งและต้องการครอบงำสุด ๆ ” จะมีกระแสคอมเม้นต์จากกลุ่ม 3 นิ้วว่า ให้เนติวิทย์หาตัวแทน หานอมินีมาลงสมัครแทนเลย
อย่างไรก็ตามการเลือกตั้งนายกอบจ.ของจุฬาฯ จะสิ้นสุดทุกวันที่ 31 มีนาคม ของทุกปี โดยครั้งนี้ เท่ากับว่าเหลือเวลาอีกเพียง 1 เดือน ที่จะได้นายกอบจ.คนใหม่มาทำหน้าที่ จึงน่าจับตามองว่า ยังไม่ควรมีการเลือกตั้งซ่อมเกิดขึ้น เพราะอยู่ในวาระได้ไม่นาน ก็ต้องมีการเลือกตั้งใหม่อยู่แล้ว
