“คนสนิทธรรมนัส” โต้เดือดชัยวุฒิยอมหักกับมิตร! ขู่ “พปชร.” ถึงเวลาซักฟอกจะเหลือใครหนุน?

1456

“คนสนิทธรรมนัส” โต้เดือด “ชัยวุฒิ” ยอมหักกับมิตร! ขู่ “พปชร.” ถึงเวลาซักฟอกจะเหลือใครหนุน?

จากกรณีนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะ ผอ.การเลือกตั้งซ่อมเขต 9 จตุจักร-หลักสี่ พรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยกับ Top news หลังทราบผลคะแนนว่า นางสรัลรัศมิ์ เจนจาคะ พ่ายแพ้หมดรูปว่า ได้ประเมินไว้แต่ไม่คิดว่าจะแพ้เยอะขนาดนี้ จึงมองว่ากระแสคนกรุงเทพฯ คนรุ่นใหม่สนใจการเมืองการใช้โซเชียลฯ ในแบบของพรรคก้าวไกล และพรรคกล้า ที่เป็นคนรุ่นใหม่ รวมถึงมีพรรคใหม่ เช่น พรรคไทยภักดี ที่มีแนวทางเดียวกันมาตัดคะแนนกันเองด้วย โดยยอมรับว่ากระแสสังคมคนเบื่อการเมือง ความขัดแย้งในพรรค ราคาของแพงต่างๆ หลายอย่างรวมกันที่ทำให้คนน่าจะอยากเปลี่ยน แต่ถือว่าต้องถอดบทเรียน

พร้อมกันนี้ เขายังตอบโต้ นายเอกราช ช่างเหลา ส.ส.ขอนแก่น ออกมาระบุว่า จากการพ่ายแพ้เลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดชุมพร และสงขลา กลุ่มของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า พร้อม ส.ส.รวม 21 คน ได้แสดงความรับผิดชอบ ให้พรรคขับออกแล้ว ซึ่งผลเลือกตั้งหลักสี่ออกมาว่าแพ้เหมือนกัน คนที่รับผิดชอบเขตหลักสี่ ที่หมายถึงนายชัยวุฒิ จะต้องรับผิดชอบด้วยหรือไม่นั้น นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน เป็นแค่ข้ออ้างมากกว่า เพราะการขับออกจากพรรคไม่ได้เกี่ยวข้องกับผลเลือกตั้งซ่อม ซึ่งการขอให้ขับออกจากพรรคของกลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส นั้น เพื่อต้องการต่อรองตำแหน่งกับนายกรัฐมนตรีเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับผลเลือกตั้งแต่อย่างใด ซึ่งกลุ่มนี้ ตั้งใจจะออกไปตั้งพรรคใหม่อยู่แล้ว

นอกจากนี้ นายชัยวุฒิ มองอนาคตการเมืองของพรรคพลังประชารัฐ ว่า ทุกอย่างต้องมีการปรับเปลี่ยน ปรับตัว เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา แต่ไม่ขอตอบว่าจะยังไปต่อกันไหวหรือไม่ ส่วนปัจจัยที่เป็นตัวแปรอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุทางการเมืองนั้น น่าจะมีเรื่องเดียวคือการต่อรองเสียงในสภาของกลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส เรื่องอื่นยังไม่มี ซึ่ง “เป็นเกมที่ ร.อ.ธรรมนัส ต้องการขยี้พลังประชารัฐให้เละ แล้วกลับไปอยู่เพื่อไทย ซึ่งพยายามขยี้มา 2 ปีแล้ว และส่วนตัวก็ไม่เข้าใจว่าคนที่คุม ร.อ.ธรรมนัส ปล่อยให้ทำแบบนี้ได้อย่างไร”

ต่อมาทางด้าน นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร พรรคเศรษฐกิจไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า วันนี้ผมเห็นข่าวของนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม แล้วเกิดความไม่สบายใจหลายอย่าง มันเป็นการกล่าวพาดพิงกันเกินไปหน่อย พวกเราไม่เคยมีการต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรีเลย ตอนที่เราถูกขับออกมาการที่รัฐมนตรี ออกมาพูดอย่างนี้ไม่ต่างกับว่า พรรค พปชร.โกหกและทำผิดขั้นตอนในการขับสมาชิกพรรค

นายไผ่ ระบุ หลังจากที่พวกเราออกมาจาก พรรค พปชร. พวกเราพยายามไม่พูดเชื่อมโยง ไม่พูดถึงพรรคเดิมแม้แต่น้อย พยายามเดินหน้าต่อและทำการเมืองที่สร้างสรรค์ขึ้น ทั้งที่ก่อนหน้าที่ท่านรัฐมนตรี จะได้เป็นรัฐมนตรี ท่านรู้ปัญหาที่เกิดขึ้นในพรรคอยู่แล้วว่าเกิดขึ้นเพราะ ผู้ใหญ่ไม่ได้ดูแล ส.ส.ใน พรรคเท่าพรรคอื่น และเกิดความห่างจากคณะรัฐมนตรีและ ส.ส.ของพรรค ผมเชื่อผู้ใหญ่ทางการเมืองแล้วว่า ใครเป็น รัฐมนตรีและความหลงลืมจะกลายเป็นโรคประจำตัว

“ยิ่งถ้าโยงมาผลเลือกตั้ง เขตหลักสี่ การที่ เพื่อไทยชนะเลือกตั้ง ไม่ได้เกินคาด ก็เป็นไปตามโพลแต่การที่พรรคพลังประชารัฐ เหลือคะแนน น้อยขนาดนี้ย่อมเป็น นัยยะทางการเมือง ว่าแฟนพันธ์แท้ของพรรคหายไปไหนหมด เพราะระดับพรรคแกนนำ ควรมีแฟนพันธ์แท้ มากกว่านี้ ยิ่งตัวผู้สมัครทำพื้นที่ตลอดด้วย”

นายไผ่ กล่าวว่า ส่วนที่วิจารณ์ว่าเราทำและจะไปรวมกับใคร รอให้มันเกิดขึ้นก่อนดีกว่าหรือไม่และค่อยมาพูดและถ้าพวกผมรวมกันเพื่อตั้งพรรคขึ้นมาเพื่อประโยชน์ของประชาชนจริงๆ ล่ะ ผมก็เพิ่งเห็นการเมืองที่ยอมหักกับมิตรทุกคน ทั้งๆ ที่เวลาเลือกตั้งเสียงของ ส.ส.แต่ละเสียงมีส่วนสำคัญมาก ตั้งแต่รุ่นพ่อผม มีแต่รวมเพื่อจะสร้างพรรค แต่นี่กลับตัดทุกคนออกแล้วจะเหลืออะไร แล้วถ้าถึงอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทำแบบนี้จะเหลือคนสนับสนุนอีกหรือ

“สุดท้ายผมอยากถามความหมายของคำพูด คนที่คุม ร.อ. ธรรมนัส ปล่อยให้ทำแบบนี้ได้อย่างไร นายชัยวุฒิ หมายถึงใคร ใช่คนเดียวกับที่เสนอพี่มาเป็นรัฐมนตรีหรือเปล่า”

อย่างไรก็ตาม ย้อนไปเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2564 นายชัยวุฒิ ได้กล่าวถึงกระแสข่าวการลาออกของคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งมีบางช่วงที่ผู้สื่อข่าวถามว่า การจะปรับโครงสร้างพรรคครั้งนี้ เพราะมองว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค มีปัญหาใช่หรือไม่

นายชัยวุฒิ ถามสื่อมวลชนกลับว่า “แล้วคุณคิดว่ามีปัญหาหรือไม่ ขอสื่อมวลชนดูกันเอง ว่าในอดีตเกิดอะไรขึ้นมาบ้าง” เมื่อถามย้ำว่าส่วนตัวมองว่า ร.อ.ธรรมนัส มีปัญหาหรือไม่ นายชัยวุฒิตอบว่า “ผมคิดว่ามีนะ ไม่เช่นนั้นไม่มีการพูดคุยกันเพื่อจะปรับโครงสร้าง แต่ไม่ขอพูดในรายละเอียด เพราะเชื่อว่าประชาชนและสื่อมวลชนรู้อยู่แล้วว่าคืออะไร ขอให้เดินไปข้างหน้า อย่าพูดถึงอดีต”