หลังจากเมื่อวันที่ 18 ม.ค. 2565 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ลงพื้นที่ช่วยนายกรุณพล เทียนสุวรรณ หรือ “เพชร กรุณพล” ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตหลักสี่-จตุจักร หาเสียงแนะนำตัว โดยบรรยากาศประชาชนให้การตอบรับดี ทักทายอย่างเป็นกันเองและขอถ่ายรูป นอกจากนี้ยังมีพรรคพลังประชารัฐ และพรรคกล้า ร่วมลงพื้นที่หาเสียงด้วย
โดยครั้งนี้นายพิธา เปิดเผยว่า ในการหาเสียงโค้งสุดท้ายจะต้องมีการปรับให้ละเอียดมากขึ้น พร้อมกล่าวถึงการจัดปราศรัยใหญ่ของพรรคในวันเสาร์ที่ 22 ม.ค. 2565 ที่ลานเสนานิคม 2 ว่าจะต้องทำให้เข้าไปอยู่ในใจของประชาชนมากที่สุด ในระยะเวลาที่เหลือ ส่วนปัจจัยที่จะทำให้พรรคก้าวไกล ได้คะแนนมากขึ้นนั้น นายพิธา กล่าวว่า ไม่ใช่เพียงแค่รอยร้าวของรัฐบาล ยังมีบริบทในพื้นที่ซึ่งต้องเข้าใจว่าการเลือกตั้งซ่อมแต่ละครั้ง บริบทพื้นที่แตกต่างกัน ไม่สามารถเปรียบเทียบจากพื้นที่อื่นได้ แต่ในพื้นที่เขตหลักสี่ ตนมองว่าต้องสู้กับสังคมสู้วัย
และปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นความท้าทายแบบใหม่ ที่ไม่ใช่แค่เรื่องของความมั่นคงและงบกองทัพเท่านั้น พร้อมย้ำว่าผู้สมัครของพรรคก้าวไกล กล้าชนทุกสถานการณ์ อีกปัจจัยหนึ่งคือฐานเสียงคนรุ่นใหม่ ที่ทำงานอยู่นอกเขตการเลือกตั้ง และอีกส่วนคือเรายังทำงานไม่หนักพอ แม้ผลลัพธ์ไม่ได้เป็นดั่งหวัง แต่พรรคก้าวไกล ทำงานเป็นทีม สัดส่วนคนรุ่นเก่าและใหม่แบบลงตัว พร้อมกล่าวไม่ท้อ แต่กลับมีกำลังใจเพิ่มขึ้น พร้อมพรรคก้าวไกลพร้อมสู้ต่อในเขตหลักสี่ เพื่อผลักดันให้นายกรุณพลเข้าสภาให้ได้
ส่วนปัญหาของรัฐบาลในปัจจุบัน จะส่งผลต่อคะแนนการเลือกตั้งครั้งนี้หรือไม่ นายพิธา มองว่า จากการที่ได้ลงพื้นที่ พบประชาชนเบื่อหน่ายรัฐบาล ต้องลองดูว่าสุดท้ายจะส่งผลมากน้อยแค่ไหน แต่ก็จะพยายามแก้ไขปัญหาให้ประชาชน พร้อมนำเสนอนโยบายให้รัฐบาลนำไปแก้ปัญหาควบคู่กัน อีกทั้งยังจะนำปัญหาไปหารือในที่ประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้าน เพื่อยื่นเป็นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 152 ต่อไป ซึ่งคาดจะยื่นได้ช่วงสัปดาห์นี้ แต่อย่างไรก็ตามคงต้องหารือกันอีกครั้ง พร้อมยืนยันว่า งานสภา ก็ไม่ละเลยในการแก้ไขปัญหาให้ประชาชน ให้ทุกคนได้เห็นว่าสภามีโอกาสแก้ไขปัญหาให้ได้แน่นอน
เมื่อถามถึงการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) ของพรรคก้าวไกล นายพิธา กล่าวว่า บุคคลดังกล่าวสามารถสู้กับนายชัชาติ สิทธิพันธุ์ และนายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ได้อย่างแน่นอน หลังเปิดตัวอาจลงพื้นที่มาร่วมหาเสียงด้วย
อย่างไรก็ตามได้มีกองหนุนของพรรคก้าวไกล ออกมาแสดงความคิดเห็น ต่อประเด็นการเลือกตั้งซ่อม ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 30 ม.ค. 65 ว่า ก้าวไกลอาจจะไม่ชนะในครั้งนี้ แต่เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงต้องใช้เวลา สิ่งหนึ่งที่ก้าวไกลไม่ชนะ คือไปเปลี่ยนใจคนที่ชอบพรรคเดิมไม่ได้ บางคอมเม้นต์ก็มองว่า ช่วงนี้แทบไม่ได้ชูผลงานอะไรเด่น ๆ และจะทำได้จริงหรือไม่ก็ไม่รู้ แต่ไม่อยากให้ออกตัวแรง เพราะมีกระแสหลุดตัวเต็งที่จะลงชิงผู้ว่าฯกทม.มาแล้ว และหนึ่งในนั้น มีนายวิโรจน์ ส.ส. ก้าวไกลด้วย ก็ไม่อยากคาดหวัง นอกจากนี้บางคอมเม้นต์ก็บอกด้วยว่า ยิ้มแห้งรอเลย กลัวจะแพ้แบบแลนสไลด์อีก ยังไม่อยากให้มั่นใจว่าจะชนะทั้งเลือกตั้งซ่อมหลักสี่ และผู้ว่าฯกทม.