รับสภาพรอบนี้ติดยาว! “รุ้ง” ไม่อยากกลับคุก! จ่อขยายเวลาเพิ่ม อ้างเรียนทั้งเทอม-เพิ่งรู้ป่วยซึมเศร้า!

1380

จากกรณีที่ รุ้ง ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว ออกจากทัณฑสถานหญิงกลาง เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ถึงวันนี้ (12 ม.ค. 65)  ภายใต้ 5 เงื่อนไข

โดยเมื่อวานนี้ (11 มกราคม 2565) ทางเว็บไซต์ของ iLaw ได้ลงบทสัมภาษณ์ในหัวข้อ ความหวัง ความฝัน ภายใต้อิสรภาพชั่วคราว ของ “รุ้ง-ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล” โดยมีการตั้งคำถามว่า เหตุการณ์ในวันที่ 12 มกราคม 2565 หลังครบกำหนดระยะเวลาปล่อยตัวชั่วคราว จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง?

โดยทางรุ้ง ปนัสยา ได้กล่าวว่า สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ เราจะยื่นขยายระยะเวลาก่อน แต่เราก็ทำของเรา ถ้ามันได้เข้าจริงๆ วันที่ 12 เราคงได้เข้าเรือนจำแล้ว เพราะกำหนเวลาเราคือ  12 ตอนสี่โมงครึ่งเป๊ะ ต้องอยู่ในเรือนจำแล้ว และจะมีอะไรต่อจากนั้นต่อ เราไม่รู้แล้ว มันก็คงมีการขอยื่นประกันต่อก็ได้ 

แต่ถ้าไม่ได้ เพื่อนเราก็อยู่มานานแล้ว จะห้าเดือนแล้ว เพราะงั้น เราก็ไม่ได้คิดว่า ถ้าเข้าไปอีก แล้วมันจะออกมาง่าย คราวนี้มันอาจจะยาวมากก็ได้ เราก็ไม่ได้อยากคาดหวังอะไรเยอะ เพราะงั้น ถ้าเราเข้าไปไม่ต้องมองหาคนข้างใน มองหาคนที่อยู่ข้างนอกเลย ไม่ต้องมองหาคนข้างใน มองหากลุ่มคนที่ยังเคลื่อนไหวอยู่เลย แล้วไปร่วมกับพวกเขา ไม่ต้องมาห่วงเรามากก็ได้ แต่ว่าไปสู้ต่อเถอะ

เมื่อถามว่า การให้เหตุผลกับศาลเพื่อขอขยายระยะเวลาในการปล่อยตัวชั่วคราวคืออะไร?

รุ้งกล่าวว่า เรื่องแรกก็คือ เรื่องเรียน โดยเฉพาะเรื่องวิชาวิจัย เพราะวิจัยอันนี้มันจะต้องทำทั้งเทอม ถ้าให้ได้แค่ชั่วหนึ่งก็ทำมันไม่ได้ ถ้าไม่ให้ทั้งเทอม ไม่สามารถทำได้ แล้วก็ยื่นเรื่องสุขภาพของเราด้วย เพราะเราเพิ่งค้นพบว่าเราเป็นซึมเศร้า เพราะงั้นก็อยากได้รักษาตัว เราไม่อยากเป็นหนักมากกว่านี้เหมือนกัน ก็คงให้เหตุผลประมาณนี้เราไม่ได้มีเหตุผลอะไรไปมากกว่านี้ที่จะขอ เราขอแค่เรื่องเรียนกับเรื่องสุขภาพ

เรามองว่า ไม่มีเหตุผลอะไรที่เราจะไม่ได้ประกันตัวอีก เรามองงี้ แต่ผู้มีอำนาจที่บังคับใช้กฎหมายก็สามารถกระทำได้ต่างๆ นานา แต่เราคาดหวังแค่ว่า ลองมองเราให้เป็นแค่เด็กนักศึกษาคนหนึ่ง เราไม่ใช่แกนนำตลอดเวลา อย่างศาล ศาลก็เห็นเวลาอยู่ในห้องพิจารณา เราเป็นยังไงรู้หมด มันชัดเจนอยู่แล้วว่าเราเป็นคนยังไง 

อย่างเรื่องเงื่อนไข(ประกันตัวเอาจริงก็ไม่เคยผิด ไอ้ที่ถอนประกันรอบที่แล้ว ที่เราบอกผิดเงื่อนไข พอดูจริงๆมันจะผิดได้ยังไง แต่มันเหมือนจำเป็นที่จะต้องผิดสำหรับเขาให้ได้ แต่จริงๆ ต้องย้ำนะว่า เงื่อนไขเหล่านี้พรากเสรีภาพในการแสดงออกของเราไป มันละเมิดสิทธิของเราอย่างชัดเจน ต้องย้ำตรงนี้ชัดๆ เลยว่า มันละเมิดสิทธิเรา แต่บางทีเราก็ต้องแลกมัน เราต้องมีอิสรภาพด้วย จะได้ทำอย่างอื่น อยู่ในคุกไม่เคยเป็นประโยชน์

เราเชื่อเรื่องการพูดคุยกัน หากสามารถหาพื้นที่ให้พวกเราประชาชนธรรมดากับผู้มีอำนาจได้คุยกัน เราคิดว่ามันคงจะเป็นโอกาสที่ดี ที่เราจะได้ฟังกันมากขึ้น ได้เข้าใจกันมากขึ้น หรือกระทั่งได้หาทางออกร่วมกัน ที่คนออกมาชุมนุมกันขนาดนี้ ที่คนออกมาชุมนุม มาเรียกร้อง มาพูดจนโดนคดีกันขนาดนี้ เพราะมันขาดพื้นที่ในการแสดงออก มันจึงจำเป็นสำหรับพวกเรา พวกเขา ที่จะต้องออกไปชุมนุมกันบนท้องถนน ต้องทำกิจกรรมอะไรบ่อยๆ กันขึ้นมา เพราะมันไม่เคยมีการได้รับฟัง แต่ถ้ามันมี และบ้านเมืองเราเป็นปกติมากกว่านี้ เราอาจจะไม่มีการชุมนุมเลยก็ได้ เพราะปัญหาทุกอย่างมันคงจะได้คลี่คลาย

ในขณะที่ทางด้านนายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์และนักเทววิทยา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณีของรุ้ง ปนัสยาว่า การเดินเข้าสู่เรือนจำหลังวันที่ 12 มกราคม 2565 ของรุ้งจะเป็นความสง่างามได้ต้อง”กรกรายเดินแอ่นอกเยี่ยงนางพญา” มิใช่ร้องไห้ระงมด้วยความทุกข์ระทม ถ้าทำได้อย่างที่ว่าจึงจะคู่ควร ”ผู้หญิงทรงอิทธิพลให้แรงบันดาลใจ” ตามที่ BBC ยกย่องเชิดชู