หลังจากที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ออกมาเปิดเผยถึงกรณีกระแสวิพากษ์วิจารณ์การเสนออภัยโทษให้ผู้ต้องขังในคดีทุจริต ว่า ต้องขอบคุณพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ที่ชี้แนะให้ทุกฝ่ายทำการบ้านให้มากขึ้น รวมถึงให้ดูความพอดีเหมาะสม ซึ่งจะเป็นแนวทางออกที่ดีที่สุดของการทำเดินการ
ทั้งนี้การลดโทษมีทั้งผู้ที่ได้และไม่ได้ประโยชน์จากพ.ร.ฎ.อภัยโทษ โดยขอเน้นไปที่กลุ่มคดีอาญาไม่ร้ายแรงและกลุ่มคดีอาญาร้ายแรง คือ บุคคลที่ทำผิดต่อหน้าที่ หรือทำผิดต่อเจ้าหน้าที่ คดีข่มขืน คดีฆ่าคน รวมทั้งคดีโครงการทุจริตจำนำข้าว ถึงแม้จะเป็นนักโทษชั้นเยี่ยมก็จะได้รับการลดโทษ 1 ใน 3 ซึ่งมีการดำเนินการเป็นกลุ่ม ๆ ในพ.ร.ฎ.อภัยโทษ ฉะนั้นการปรับแก้ในแนวทางต่าง ๆ จะมีผลกระทบต่อคนกลุ่มนั้น เช่น การฆ่า การทุจริต หรือโทษที่กระทำกับเจ้าหน้าที่ต่าง ๆ หากจะแก้ต้องแก้กันหมด
ทั้งนี้นายสมศักดิ์ยังได้ย้ำว่า หากเราแก้ในคดีอาญาร้ายแรง ภายใต้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา หากปรับทั้งหมดคิดว่าจะกระทบ เช่น กลุ่มเดินขบวน จะเอาด้วยหรือไม่อย่างไร เพราะต้องปรับไปทั้งกลุ่มตามข้อเสนอ เมื่อถามว่า หากมีการปรับแก้เรื่องดังกล่าวนี้ จะกระทบกับผู้ชุมนุมหมายความว่าอย่างไรบ้าง นายสมศักดิ์ กล่าวว่า การชุมนุมหากมีความผิด ก็เหมือนกับเป็นความผิดอาญาร้ายแรง ซึ่งก็จะได้ลดโทษ 1 ใน 3 เช่นเดียวกัน จะไปเอา 1 ใน 5 ทั้งกลุ่มหรือไม่ หรือจะแยกต่างหากก็ไปว่ากัน
โดยประเด็นการลดโทษ 1 ใน 3 หากมีการมาปรับใช้จริงกับบรรดาแกนนำ 3 ที่นิ้ว ก็พบว่าหลาย ๆ คนต้องติดคุกอีกยาว จากการทำความผิดในมาตรา 112 เพราะบางรายมีคดีมากถึง 22 คดี อย่างเพนกวิน แม้ระหว่างนี้จะอยู่ในขั้นตอนฝากขัง และไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว แต่ถ้าถึงวันที่ศาลตัดสินเสร็จสิ้น แล้วโทษตามจริงออกมา ก็จะเข้าเกณฑ์เป็นคดีร้ายแรง และปรับลดโทษ ยื่นขออภัยโทษได้เพียง 1 ใน 3 หรืออาจจะ 1 ใน 5 ขึ้นอยู่กับการปรับพ.ร.ฎ.อภัยโทษ อีกครั้ง สำหรับเฉพาะแค่เพนกวินคนเดียว หากถูกศาลตัดสินโทษทุกคดีทั้งหมดนั้น ระยะเวลาจำคุกน้อยที่สุดคือ 63 ปี (3 ปี ใน 21 คดี) และมากที่สุดคือ 315 ปี (15 ปี ใน 21 คดี) หากลองคำนวณการลดโทษ ระยะเวลาที่ต้องติดคุกก็ยังสูงอยู่ดี
ขณะเดียวกันก็น่าจับตามอง ว่าสังคมจะลุกฮือ ขึ้นมาคัดค้านการอภัยโทษ ที่ไม่เหมาะสมไปตามเกณฑ์ อย่างคดีจำนำข้าว ที่เหล่าบิ๊กเนม เข้าเกณฑ์ลดโทษมาแล้วถึง 4 ครั้ง โดยทางด้านองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ ออกแถลงการณ์คัดค้านการลดหย่อนผ่อนโทษให้กับผู้ต้องขังคดีคอร์รัปชัน และขอให้นายกฯนำเกณฑ์การอภัยโทษ พ.ศ. 2559 กลับมาบังคับใช้ โดยไม่พิจารณาลดโทษให้กับคดีคอร์รัปชัน คดีข่มขืนและคดียาเสพติด แต่ในเมื่อนายสมศักดิ์ ออกมาขยับรับลูก ว่าจะปรับแก้ “พ.ร.ฎ.อภัยโทษ” ให้เหมาะสม และรวมคดีทำผิด 112 อยู่ในความผิดอาญาร้ายแรงด้วยนั้น คงเป็นทางยากที่บรรดาแกนนำจะรอดคุกไปได้ในระยะเวลาสั้น ๆ