จากกรณีที่นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุถึงนักโทษคดีสำคัญ ๆ ที่ได้รับการลดโทษแบบกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์ ในช่วงวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา ทำให้เกิดการตั้งคำถามว่า สมควรหรือไม่ที่จะต้องปรับเปลี่ยนกฎกระทรวง
ต่อมาทางด้าน พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าวโดยระบุข้อความว่า
“ไม่ได้เป็นการใช้อำนาจโดยพลการหรือเลือกปฏิบัติให้ผู้หนึ่งผู้ใด แต่เป็นการใช้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมายที่มีอยู่ ทั้งที่ปรากฎในรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง คือ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ สำหรับพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ เป็นกฎหมายของกระทรวงยุติธรรมไม่ได้มีอำนาจเปลี่ยนแปลงแก้ไขโทษ รวมถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมก็ไม่มีอำนาจแก้ไขเปลี่ยนแปลงโทษเช่นกัน
การบังคับโทษ โดยปกติในทางปฏิบัติแล้ว ไม่มีประเทศไหนในโลก ที่จะบังคับโทษทั้งสิ้นตามคำพิพากษา แต่จะมีกลไกทางกฎหมายอื่นๆ มา บริหารโทษ ให้เป็นไปตามความเหมาะสม เช่น ลักษณะและพฤติการณ์แห่งคดี โดยมุ่งเน้นให้ผู้กระทำผิดได้รับโอกาสให้กลับตนเป็นพลเมืองที่ดี พร้อมกลับคืนสู่สังคมได้อย่างปกติสุข ขอให้ลองนึกภาพย่อลงมาในระดับครอบครัว เชื่อว่าไม่มีพ่อ และแม่คนใดที่จะที่ลงโทษลูกจนครบ หรือ ตีลูกจนบาดเจ็บล้มตาย ส่วนมากก็จะเอาแต่พอสมควร คือการให้อภัย การให้โอกาส เพื่อให้คนในครอบครัว ได้อยู่อย่างปกติสุข
วัตถุประสงค์ของการลงโทษคือการป้องปราม ยับยั้งการกระทำ และการแก้ไขผู้กระทำผิด การลงโทษจึงมีหลากหลายวิธี ทั้งในเรือนจำและนอกเรือนจำ รวมทั้งการลงโทษทางสังคมทางชื่อเสียงเกียรติยศ ที่ผู้กระทำผิดและครอบครัวได้รับไปแล้วส่วนหนึ่ง โดยเชื่อว่าความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย ไม่ได้อยู่ที่ความรุนแรง หรือการลงโทษสูงเป็นสำคัญ แต่จะอยู่ที่ความแน่นอนและรวดเร็วของการลงโทษ ที่จะมีผลยับยั้งการกระทำความผิดมากกว่า” นายสมศักดิ์ กล่าว
นอกจากนี้ นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า การบริหารโทษ ตามอำนาจหน้าที่ภายใต้กรอบกฎหมายของกระทรวงยุติธรรม นั้น มีความหลากหลาย ทั้งในเรือนจำและนอกเรือนจำ คือ การคุมประพฤติ และติดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว หรือ กำไล EM และการดำเนินการเป็นไปโดยเสมอหน้ากัน ไม่ได้มีการเลือกปฏิบัติให้ผู้ใดผู้หนึ่ง ผู้ต้องโทษ ทุกคดี ทุกราย จะได้รับการบริหารโทษอย่างเท่าเทียมกันภายใต้หลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยังกล่าวว่า การพระราชทานอภัยโทษ เป็นกลไกหนึ่งของกระบวนการยุติธรรมที่พระมหากษัตริย์ไทย ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อผู้ต้องราชทัณฑ์ ซึ่งเป็นประเพณีที่สืบทอดอยู่ในสังคมไทยมาช้านาน บนพื้นฐานของหลักเมตตา และกรุณาอันมาจากองค์อธิปัตย์หรือประมุขแห่งรัฐ