ปูตินฟาดสหรัฐ-นาโต้!!จะคุยหรือจะลุย ส่งขีปนาวุธยูเครน บังคับรัสเซียตอบโต้

1270

วุฒิสมาชิกระดับสูงของมอสโกหัวร้อน เร่งปูตินตัดสินใจตอบโต้ตะวันตก เพราะสหรัฐและนาโต ส่งอาวุธติดขีปนาวุธเข้าในยูเครนแล้ว ก่อนหน้านี้รมว.ต่างประเทศรัสเซียส่งสัญญาณเตือนเป็นระยะ ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นที่ชายแดนรัสเซีย-ยูเครนเมื่อสหรัฐส่งกองทหารร่วมนาโต เข้าฝึกในยูเครน ขณะที่ป่าวประกาศ รัสเซียจะบุกยูเครนมาตั้งแต่ต้นปี ด้านนาโต้ตอบรับยินดีให้สหรัฐส่งอาวุธนิวเคลียร์ประจำการในยุโรปเพื่อปิดล้อมรัสเซียอย่างเปิดเผย ล่าสุดส่งเสียงขู่รัสเซียอย่าบุกยูเครนนะ แต่ฝ่ายยูเครนเคลื่อนผลติดชายแดนรัสเซียแล้วกว่า 125,000 นายเท่ากับครึ่งหนึ่งของกองทัพยูเครน

สถานการณ์ระอุเดือด และการตอบโต้ทางการทูตไปมาระหว่างสหรัฐฯ-นาโตกับรัสเซียอาจแปรเปลี่ยนเป็นการสู้รบได้ทุกเมื่อ  ปูตินส่งสัญญาณขอเชิญสหรัฐ-นาโตเจรจา หากไม่สนใจคุย รัสเซียคงต้องดำเนินการตอบโต้บางประการ ทำประชาคมโลกต้องจับตาอย่างใกล้ชิดว่า จุดวาบไฟยูเครนจะปะทุก่อนไต้หวันหรือไม่ เมื่อสหรัฐฯเร่งโฆษณาแบ่งแยกโลกเป็นฝักเป็นฝ่ายอย่างต่อเนื่อง

วันที่ 1 ธ.ค.2564 สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์และทาซซ์ รายงานว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย กล่าวว่าเขาจะขอให้มีการเจรจากับ NATO เพื่อให้แน่ใจว่ากลุ่มทหารที่นำโดยสหรัฐฯ จะไม่เล็ดลอดเข้ามาใกล้พรมแดนของประเทศของเขา ในขณะที่ยูเครนเคลื่อนพลติดชายแดนรัสเซีย-เบลารุส และเปิดทางให้กองทหารสหรัฐและตะวันตกเข้ามาในยูเครนพร้อมติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์ในพื้นที่

ปูตินกล่าวกับกลุ่มเอกอัครราชทูตในเครมลินเมื่อวันพุธว่า “รัสเซียจะเจรจาเพื่อยืนยันการรับประกันของNATO ว่าจะเคลื่อนตัวออกห่างจากชายแดนรัสเซีย และจะไม่ใช้อาวุธคุกคามใกล้กับดินแดนรัสเซีย เพื่อเป็นหลักประกันทางกฎหมาย”

ประธานาธิบดีรัสเซียกล่าวว่า“เนื่องจากเพื่อนชาวตะวันตกของเราไม่ได้ปฏิบัติตามภาระหน้าที่ตามวาจาของตน ทุกคนรู้ว่าพวกเขาสัญญาว่าพวกเขาจะไม่ขยายกำลังทหารไปทางตะวันออก แต่แล้วพวกเขาก็ทำตรงกันข้าม ความกังวลด้านความปลอดภัยของรัสเซียที่ถูกกฎหมาย ถูกละเลยเพิกเฉยอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน”

ปูตินยืนยันว่า“ภัยคุกคามที่พรมแดนทางตะวันตกของเรากำลังเพิ่มขึ้นอย่างมาก และเราได้พูดถึงเรื่องนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่โครงสร้างทางการทหารของ NATO เข้าประชิดพรมแดนรัสเซีย มันร้ายแรงมากสำหรับเรา มันทำให้เรากังวลและมีคำถาม เราจำเป็นต้องดำเนินการบางอย่างเพื่อตอบโต้”

คำพูดของปธน.ปูตินเกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มสูงขึ้นระหว่างกลุ่มทหารที่นำโดยสหรัฐฯและรัสเซีย เกี่ยวกับการแสดงตนที่เพิ่มขึ้นในยุโรปตะวันออก เมื่อวันอังคาร เซอร์เก ลาฟรอฟ (Sergey Lavrov) รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียได้เปิดเผยว่า“หน่วยทหารและขีปนาวุธจากประเทศกลุ่มพันธมิตร NATO รวมทั้งอเมริกาและอังกฤษ กำลังถูกเคลื่อนย้ายเข้าใกล้พรมแดนของเรามากขึ้น”

ปธน.ปูตินกล่าวสรุปว่า “การสร้างภัยคุกคามประเภทนี้เป็นการเสี่ยงล้ำเส้นสีแดง แต่ฉันหวังว่า วันนั้นมันจะยังมาไม่ถึง หวังว่าสามัญสำนึกและความรับผิดชอบต่อประเทศของทุกฝ่ายและชุมชนโลกจะมีชัย”

ล่าสุด อเล็กเซย์ พุชคอฟ(Aleksey Pushkov) วุฒิสมาชิกรัฐสภาดูมาแห่งรัสเซีย แนะนำว่า “การปรากฏตัวของระบบโจมตีด้วยขีปนาวุธในยูเครนจะทำให้รัสเซียต้องตอบโต้” “ฉันเชื่อว่าเคียฟ บรัสเซลส์ และวอชิงตันควรให้ความสำคัญกับคำเตือนนี้อย่างจริงจัง”

เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก (Yens Stoltenberg) เลขาธิการ NATO กล่าวว่า กลุ่มได้เพิ่มขนาดของกองกำลังของตนขึ้น 3 เท่า และเพิ่มการแสดงตนทั้งในทะเลดำและทะเลบอลติกเพื่อตอบโต้การปรากฏตัวของรัสเซีย เรือพิฆาตขีปนาวุธนำวิถีของกองทัพเรือสหรัฐฯแอร์เลจ เบิร์ก (Arleigh Burke) ถูกส่งไปยังทะเลดำเมื่อสัปดาห์ที่แล้วสมทบกับเรือรบอเมริกันอีกสองลำในน่านน้ำเดียวกัน

ก่อนหน้านี้ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา อเล็กซานเดอร์ กรุชโค (Alexander Grushko) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย เตือนว่าแผนการของสโตลเทนเบิร์ก แห่งNATO  ในการขนส่งหัวรบนิวเคลียร์ของสหรัฐอเมริกาไปยังประเทศต่างๆ ในยุโรปตะวันออก ใช้อ้างว่ามอสโกก้าวร้าวคุกคามได้ทำลายสนธิสัญญาสันติภาพระหว่างสองฝ่ายโดยสิ้นเชิง